รอยเตอร์ - กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ยกระดับการโจมตีหนักหน่วงยิ่งขึ้นในปี 2016 โดยเฉพาะในอิรักและซีเรีย เพื่อตอบโต้ที่ถูกกองทัพท้องถิ่นและกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ รุกไล่จนสูญเสียดินแดนอย่างต่อเนื่อง สถาบันวิจัยกลาโหมไอเอชเอส แถลงเมื่อวานนี้ (1 พ.ค.)
ไอเอชเอสซึ่งมีฐานในสหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานล่าสุด ระบุว่าไอเอสได้ก่อเหตุโจมตีในอิรักและซีเรียถึง 891 ครั้งในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2016 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในช่วง 1 ไตรมาส นับตั้งแต่นักรบสุหนี่กลุ่มนี้ได้เริ่มแผ่อิทธิพลยึดดินแดนอย่างกว้างขวางเมื่อช่วงกลางปี 2014
เหตุโจมตีได้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 2,150 ราย เพิ่มขึ้น 44% จากช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2015 และนับเป็นยอดตายในช่วง 1 ไตรมาสที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี
“ไอเอสกำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายฝ่าย และหันไปใช้กลยุทธ์การโจมตีที่สังหารผู้คนได้มากๆ” แมทธิว เฮนแมน หัวหน้าศูนย์วิจัยก่อการร้ายและการก่อความไม่สงบของสถาบัน ไอเอชเอส เจน ระบุ
กองทัพสหรัฐฯ ประเมินว่า ไอเอสสูญเสียดินแดนที่พวกเขายึดไว้ในอิรักและซีเรียราวๆ 40% และ 20% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วง “พีก” ในปี 2014
กองทัพอิรักขับไล่พวกไอเอสออกไปจากเมืองรามาดี (Ramadi) ได้สำเร็จเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว จากนั้นก็รุกไล่ต่อไปทางตะวันตกจรดพรมแดนซีเรีย แต่อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการของกองทัพอิรักและกองกำลังชนเผ่าสุหนี่เริ่มที่จะชะลอในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยสามารถยึดหมู่บ้านทางตอนใต้ของเมืองโมซุลกลับคืนมาได้เพียง 4 แห่ง
ในส่วนของซีเรีย กองทัพรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย ก็สามารถยึดดินแดนกลับคืนมาจากไอเอสได้บางส่วน รวมถึงเมืองโบราณมรดกโลก “พัลไมรา”
นักรบไอเอสยังถูกกดดันอย่างหนักจากจากการทิ้งระเบิดของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ รวมถึงกองกำลังเคิร์ดทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย
ไอเอสยังคงแผ่อิทธิพลเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ และก่อเหตุโจมตีบ่อยขึ้นในลิเบีย โดยสามารถยึดเมืองซีราเต (Sirte) และยังโจมตีบ่อน้ำมันอีกหลายแห่ง จากการวิเคราะห์ของ ไอเอชเอส พบว่าเหตุโจมตีฝีมือไอเอสในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานั้น มากพอๆ กับที่เกิดขึ้นตลอดช่วงครึ่งหลังของปี 2015 ทีเดียว
สถาบันวิจัยแห่งนี้ยังเตือนอีกว่า กิจกรรมของไอเอสเริ่มคึกคักยิ่งขึ้นในเมืองซาบราธา (Sabratha) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของลิเบีย ซึ่งเมืองแห่งนี้อาจจะกลายเป็นฐานที่ไอเอสใช้ก่อเหตุข้ามพรมแดนไปถึงตูนิเซียได้ในที่สุด