เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับสำหรับพรรค GOP (รีพับลิกัน) ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลายเป็นตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2016 และทุกเป้าสายตาได้จับจ้องไปที่ ส.ว.บ็อบ ค็อร์กเกอร์ (Bob Corker) เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่ได้เข้าพบกับทรัมป์ที่ตึกทรัมป์ทาวเวอร์ในวันจันทร์ (23 พ.ค.) ล่าสุดจะกลายเป็นว่าที่คู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯหรือไม่ แต่เมื่อวานนี้ (24) บรรดา ส.ว.สหรัฐฯ สายพรรครีพับลิกันจำนวนมากออกมาป่าวร้อง ค็อร์กเกอร์ ถือว่ามีคุณสมบัติที่ช่วยเหลือทรัมป์บุรุษแห่งบุรุษในโลกผู้นำของบุรุษ หรือ It’s A Man’s Man’s Man’s World ได้อย่างแน่นอน
Realclearpolitics สื่อออนไลน์การเมืองฮาร์ดคอร์สหรัฐรายงานเมื่อวานนี้ (24 พ.ค.) ว่า ถึงแม้ว่าตัว ส.ว.จากรัฐเทนเนสซี บ็อบ ค็อร์กเกอร์ (Bob Corker) เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์จะออกมาไม่พยายามพูดถึงในเรื่องตำแหน่งว่าที่คู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในฐานะรันนิงเมต (running mate) ของโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ได้พบปะกันที่ตึกทรัมป์ทาวเวอร์ในเมืองนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ (23) ที่ผ่านมา แต่ทว่าเพื่อน ส.ว.สายรีพับลิกันด้วยกันได้ออกความเห็นเมื่อวานนี้ (24) ส่งเสียงเชียร์ค็อร์กเกอร์ว่ามีความเหมาะสมทุกประการในการชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2016 เคียงคู่ทรัมป์
โดยสื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า ส.ว.สมัยที่ 2 จากรัฐเทนเนสซี อดีตเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ผู้นี้มีความเหมาะสมทุกประการตามที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กำหนดไว้ เป็นต้นว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งจะช่วยทรัมป์ในการสร้างความสัมพันธ์ และทำให้ร่างกฎหมายของเขาผ่านความเห็นชอบรัฐสภาคองเกรสได้
โดยทรัมป์ได้เคยกล่าวยอมรับกับ โจ สคาร์บอโรจ์ (Joe Scarborough) กลางรายการคุยการเมืองข่าวเช้าชื่อดังของสหรัฐฯ “มอร์นิง โจ” ทางสถานีทีวีเน็ตเวิร์กอเมริกา MSNBC ในตอนต้นเดือนนี้ว่า มีความเป็นไปได้ 40% ในการที่ตัวเขาจะเลือกคู่ชิงจากเพื่อนร่วมการแข่งขันในศึกการเลือกตั้งขั้นต้นสหรัฐฯ แต่ทว่าหลังจากนั้นทรัมป์ได้ให้ความเห็นอีกครั้งในรายการนี้โดยประกาศว่า ต้องการรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีประสบการณ์ทางการเมือง พร้อมที่จะคอยช่วยเหลือประสานงาน และปูทางเพื่อจะทำให้นโยบายของเขาที่เสนอสามารถผ่านความเห็นของรัฐสภาคองเกรสได้สำเร็จ รายงานจากสื่อแวร์นิตีแฟร์ฉบับวันอังคาร (24)
ซึ่งพบว่าค็อร์กเกอร์เข้าสู่รัฐสภาสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2006 และในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศประจำวุฒิสภาสหรัฐฯ อาจจะสามารถใช้ประโยชน์ในประสบการณ์ที่มีช่วยเหลือทรัมป์ในด้านนโยบายทางต่างประเทศของเขาได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีเพื่อนสมาชิกการเมืองพรรครีพับลิกันเชื่อว่า คุณสมบัตินี้จะเป็นข้อสำคัญที่ทำให้ทรัมป์ได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก
แต่ทว่า ชื่อของค็อร์กเกอร์กลับไม่ถูกพบก่อนหน้านี้ จากการรายงานของสื่อออสเตรเลีย ออสเตรเลียเน็ตเวิร์กนิวส์ได้รายงานล่าสุดว่า มีคนเข้าข่ายที่จะเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชิงคู่กับตัวทรัมป์อยู่จำนวน 5 ราย ได้แก่ อดีตประธานสภาสหรัฐฯ นิวต์ กิงกริช (Newt Gingrich) ส.ว.รัฐแอละแบมา เจฟ เซสชันส์ (Jeff Sessions) ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซี คริส คริสตี (Chris Christie) อดีตส.ว. รัฐแมสซาชูเซตส์ สกอตต์ บราวน์ (Scott Brown) และอดีตผู้ว่าการรัฐเทกซัส ริก แพร์รี (Rick Perry)
โดย ส.ว.รัฐนอร์ทแคโรไลนา ทอม ทิลลิส (Tom Tillis) หนึ่งในวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ สายรีพับลิกันที่ได้เปิดเผยความเห็นต่อค็อร์กเกอร์ถึงโอกาสที่จะกลายเป็นว่าที่รันนิงเมตคู่ทรัมป์ว่า “ประธานค็อร์กเกอร์เป็นคนดี” และยังกล่าวต่อว่า “เขาเป็น ส.ว.ที่มีสามารถสร้างสมดุล ค็อร์กเกอร์เป็นพวกที่ชอบทำงานให้ได้ผลสำเร็จ แถมยังเป็นพวกที่มีประวัติดีสุดๆ ในรัฐสภาแห่งนี้ในเรื่องการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างสองสภา และยังเป็นที่นิยมในระดับกว้าง ผมจึงไม่แปลกใจที่เห็นเขาอยู่ในรายชื่อว่าที่รองประธานาธิบดีคู่ชิงในครั้งนี้”
ในการพบปะระหว่างทรัมป์และค็อร์กเกอร์ที่ตึกทรัมป์ทาวเวอร์ล่าสุดในเช้าวันจันทร์ (23) นั้น เป็นการพบปะที่พร้อมกับ พอล แมนาฟอร์ต (Paul Manafort) ประธานหัวหน้าคณะทำงานของ ส.ว.ค็อร์กเกอร์ และยังดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสของโดนัลด์ ทรัมป์
และหลังจากพบกันแล้วค็อร์กเกอร์ได้กล่าวว่า พวกเขาทั้งหมดได้หารือถึงปัญหาต่างในนโยบายในประเทศ และนโยบายต่างประเทศ และในการนี้ค็อกเกอร์ยังยอมรับว่า ***นี่ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาเข้าใจถึงจุดยืนของทรัมป์***
ทั้งนี้ ในเดือนที่ผ่านมา ส.ว.รัฐเทนเทสซีผู้นี้ได้กล่าวชื่นชมนโยบายการต่างประเทศสำคัญที่โดดเด่นของทรัมป์ และยังมีรายงานว่าคนทั้งคู่ได้มีการปรึกษาหารือทางโทรศัพท์อีกด้วย แต่ทว่าในต้นสัปดาห์นี้ถือเป็นการพบปะซึ่งหน้าแบบส่วนตัวเป็นครั้งแรก
ซึ่งในเรื่องนโยบายต่างประเทศค็อร์กเกอร์ได้ชี้ว่า เขาและทรัมป์เห็นตรงกันในปัญหาเชิงนโยบายการต่างประเทศของประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครต บารัค โอบามา ในเรื่องปัญหาลิเบีย และอียิปต์ และคนทั้งคู่ไม่สนับสนุนการผูกมิตรกับอิหร่านต่อข้อตกลงนิวเคลียร์ที่โอบามาได้ปูทางไว้สำเร็จในสมัยสุดท้ายของเขา
แต่กระนั้นค็อร์กเกอร์ยังคงยืนกรานในความต่างระหว่างเขาและทรัมป์ด้านการต่างประเทศ เป็นต้นว่า ทรัมป์ประกาศสนับสนุนให้ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ สามารถติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกันตัวเองได้ เพื่อลดภาระการพึ่งพาด้านการทหารจากสหรัฐฯ เป็นต้น แต่ในประเด็นความเห็นที่แตกต่างนี้ไม่ได้ถูกยกขึ้นมาหารือในระหว่างการพบปะครั้งแรกที่ทรัมป์ทาวเวอร์
โดยในระหว่างที่อยู่ในวุฒิสภาในช่วงบ่ายของวันจันทร์ (23) ค็อร์กเกอร์ได้เปิดเผยความรู้สึกกับผู้สื่อข่าวหลังจากที่ได้พบปะกับทรัมป์ในช่วงเช้าแล้วว่า “ผมไม่เคยพบกับโดนัลด์ ทรัมป์มาก่อน ดังนั้นนี่จึงถือเป็นโอกาสดีในการรู้จักว่า...ชายผู้นี้จริงๆ แล้วเป็นเช่นใด และกระบวนความคิดของเขาในการจัดการปัญหาบางอย่าง...ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผมเป็นอย่างมาก และผมรู้สึกยินดีมากที่การพบปะครั้งนี้ได้เกิดขึ้น” ค็อร์กเกอร์ยังกล่าวต่อถึงการพบปะระหว่างเขาและทรัมป์ว่า “การพบปะครั้งนี้ทำให้ผมเข้าใจได้ว่า ทรัมป์กำลังจะมุ่งหน้าไปทางใด และช่วยให้เราทั้งคู่เข้าในในขวากหนามข้างหน้าที่ต้องเผชิญ”
อย่างไรก็ตาม Realclearpolitics ชี้ว่า ถึงแม้ว่าค็อร์กเกอร์จะยังไม่ออกมายืนยันในขณะนี้ว่า เขาจะยอมตอบรับตำแหน่งคู่ชิงหากได้รับการร้องขอ แต่ทว่าค็อกเกอร์ยังไม่ปิดประตูตาย โดยยังคงแสดงความสนใจในการร่วมงานทางการเมืองกับโดนัลด์ ทรัมป์ในฐานะว่าที่คู่ชิงรองประธ่านาธิบดีสหรัฐฯ
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการให้สัมภาษณ์ของ ส.ว.2 สมัยผู้นี้ ค็อร์กเกอร์กลับกล่าววกวนไปวนมาอย่างน่าเหนื่อยหน่ายว่า เขาไม่สามารถหาเหตุผลทำให้เชื่อได้ว่าเขาจะได้รับการพิจารณาในเรื่องนี้ และดูเหมือนความคิดและคำกล่าวนี้ยังคงติดปากของค็อร์กเกอร์หลังจากการพบปะระหว่างเขาและทรัมป์ไปแล้ว!
ทั้งนี้ คุณค่าของ ส.ว.ค็อกเกอร์ยังได้รับการชื่นชมจากเพื่อวุฒิสมาชิกรายอื่นๆ ด้วยเช่นกัน โดย ส.ว.เจฟ เฟล็ก (Jeff Flake) สายรีพับลิกันที่ได้ดำรงตำแหน่งสมาชิกในคณะกรรมาธิการที่ค็อร์กเกอร์กำลังทำหน้าที่เป็นประธานได้กล่าวถึงในเรื่องนี้ว่า “ค็อร์กเกอร์จะเป็นสิ่งดีที่จะเพิ่มคุณค่าให้กับทรัมป์และนโยบายการหาเสียงของเขา” และยังกล่าวต่อว่า “ค็อร์กเกอร์เป็นคนที่ใช้ได้ ถือเป็นสิ่งพิเศษที่จะมีคนเชี่ยวชาญด้านนโยบายการต่างประเทศอย่างหาตัวจับยากเข้าไปนั่งร่วมทีมด้วย”
นอกจากนี้ เพื่อนวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันคนอื่น เช่น ส.ว.รัฐมอนแทนา สตีฟ เดนส์ (Steve Daines) เห็นด้วยในเรื่องนี้อย่างที่สุด โดยเชื่อมั่นว่าความเชี่ยวชาญด้านนโยบายการต่างประเทศของค็อร์กเกอร์จะเป็นประโยชน์กับทรัมป์ ที่ได้เคยประกาศนโยบายต่างประเทศหลายเรื่องที่ขัดแย้งกับความเห็นของสมาชิกพรรครีพับลิกันที่มีแนวทางสายอนุรักษ์
Realclearpolitics รายงานต่อว่า เดนส์ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “หนึ่งในหน้าที่สำคัญที่สุดของตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คือ การเป็นผู้ออกคำสั่งสูงสุดแห่งกองทัพสหรัฐฯ และในโลกนี้ที่เราอยู่นั้น เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย ***ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ถูกแวดล้อมไปด้วยกลุ่มคนทั้งชายแหละหญิงที่มีความสามารถและไว้ใจได้ โดยเฉพาะในด้านนโยบายการต่างประเทศ และบ็อบ ค็อร์กเกอร์ถือเป็นหนึ่งในคนกลุ่มนี้***”
ในขณะที่ ส.ว.รัฐนอร์ทแคโรไลนา ริชาร์ด เบอร์ (Richard Burr) ประธานคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองสหรัฐฯประจำวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้กล่าวให้ความเห็นถึงว่าที่คู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯร่วมกับทรัมป์ว่า “หากว่าโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถทำให้คณะที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน RNC ตกลงยอมเลือกเขาเป็นตัวแทนชิงสำเร็จ นี่จะถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกในการเลือกตั้งของชายผู้นี้” เบอร์กล่าว
และ เบอร์ ส.ว.สายรีพับลิกันยังกล่าวต่อไปว่า “ซึ่งผมคิดว่ามันคงน่าประหลาดใจมาก แต่สิ่งที่ผมคิดว่าจะน่าประหลาดใจมากยิ่งไปกว่านี้ว่า หากทรัมป์ ชายผู้นี้ สามารถเอ่ยปากบอกกับสาธารณชนได้ในเร็ววันนี้ว่า เขาทราบแล้วว่าใครจะมาลงชิงคู่ในการสมัครรับเลือกตั้งชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมกับเขา เพราะผมไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ในเร็ววันนี้ และอีกทั้งยังไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่จะต้องกระทำล่วงหน้าก่อนวันประชุมใหญ่ของพรรค”