xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองเริ่มอยู่ยากสำหรับ ‘ทรัมป์’

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์


วิบากกรรมยังไล่ตามเตะตัดขา “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีจอมโฉ่งฉ่างของสหรัฐฯ อย่างกัดติดไม่เลิกรา แม้จะทำใจไว้ว่านักธุรกิจระดับหลายพันล้านดอลลาร์อย่างตัวเองต้องเผชิญกับแรงต้านหนักหน่วงโดยกลุ่มผลประโยชน์ในการเมืองวอชิงตัน ดี.ซี. ก็ตาม

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจบไปหมาดๆ นับว่าอยู่เหนือความคาดหมาย แสดงให้เห็นว่าลำพังตำแหน่งประธานาธิบดี มีชาวบ้านเลือกให้เป็นผู้นำประเทศนั้น การจะฝ่าด่านพวก ส.ส. และ ส.ว.กุมอำนาจมีอิทธิพลและผลประโยชน์ในรัฐสภามายาวนานนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดาย

คิดดูก็แล้วกัน ร่างกฎหมายของทรัมป์ที่จะโละโครงการโอบามาแคร์วางรากฐานใหม่เพื่อระบบสวัสดิการด้านสุขภาพให้ประชาชน ตามนโยบายหาเสียงได้ใจชาวบ้าน และทรัมป์หวังสุดๆ ว่าจะผ่านสภาคองเกรสฉลุยนั้น เอาเข้าจริงต้องรีบถอนออกแทบไม่ทัน

สาเหตุง่ายๆ เมื่อประเมินแล้วก็รู้ว่ามีเสียงสนับสนุนไม่มากพอที่จะให้ร่างกฎหมายผ่านได้ แม้พรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมากทั้งสภาคองเกรสและวุฒิสภาก็ตาม ก็ใช่ว่าทุกคนจะชอบขี้หน้าทรัมป์ เมื่อเห็นลางแพ้ทรัมป์จึงยอมถอนดีกว่าดันทุรังส่งเข้าไปลองของ

มีโอกาสหน้าแหกแน่ๆ แม้แต่ประธานสภาพอล ไรอัน จะวิ่งโร่มาคุยกับทรัมป์ถึงแนวทางขับดันร่างกฎหมายก็ตาม ดูแล้วก็รู้ว่าไม่สามารถน้าวโน้มใจของสมาชิกพรรคให้ยอมรับร่างกฎหมายที่ว่านั้นได้ ดังนั้น ยอมเสียหน้าดีกว่าเผชิญกับการพ่ายแพ้หมดรูป

แน่นอน ทรัมป์ต้องเสียความเชื่อมั่นของตัวเองพอสมควร แม้จะทำปากแข็งเสียงดังอย่างเดิม ปัญหาสำคัญคือ การที่ถอนร่างกฎหมายทำให้เกิดปัญหาความน่าเชื่อถือ บารมีและความเป็นผู้นำประเทศขณะที่มีปัญหาอื่นๆ ยังรุมเร้ามากทั้งของตัวเองและครอบครัว

ด้วยเหตุนี้เอง บรรยากาศแห่งความไม่แน่นอนจึงเกิดขึ้นในภาคธุรกิจ ตลาดหุ้นเริ่มแกว่ง ดัชนีหยุดวิ่งเพราะต้องประเมินศักยภาพของทรัมป์ว่าจะแข็งแกร่งสมราคาคุยหรือไม่ และยิ่งจะต้องมีร่างกฎหมายเกี่ยวกับภาษีเข้าสภาคองเกรสด้วย ทรัมป์อาจโดนลูบคมอีก

แผนเรื่องสวัสดิการประกันสุขภาพไม่ผ่าน ถือว่าเป็นบทเรียนสั่งสอนทรัมป์ก็ได้!

มีอย่างที่ไหน มีเสียงเต็มสภา แต่มาดกร้าวกร่างไม่เห็นหัวใครอยู่ในสายตา ทำให้เกิดปัญหาร่างกฎหมายไม่ผ่าน ในยุคของโรนัลด์ เรแกน หรือบารัค โอบามา ยังต้องมีการเจรจาต่อรองกับกลุ่มผลประโยชน์เหนียวแน่น และกลุ่มฐานอำนาจในรัฐสภาทุกครั้ง

บางครั้งกว่าจะผ่านร่างกฎหมายได้แทบหืดจับหรือกระอักเลือด ในบางยุคร่างกฎหมายเกี่ยวกับงบประมาณมีปัญหาหนัก จนเกิดวิกฤตทำให้รัฐบาลแทบไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนให้เจ้าหน้าที่ต้องทั้งขู่ ปลอบ ต่อรอง กว่าจะให้ทุกฝ่ายพอใจ ผู้นำแทบถอดใจ

บทเรียนแรกของทรัมป์น่าจะทำให้ปรับเปลี่ยนท่าทีเพื่อให้ร่างกฎหมายผ่าน แต่ยังคงมี ส.ส.บางกลุ่มอยากให้บทเรียนทรัมป์อีกครั้ง 2 ครั้ง จะได้เลิกหมิ่นพลังการเมืองของสมาชิกรัฐสภา ละเลิกนิสัยยโสโอหังเพราะความร่ำรวย ไม่สนใจกลุ่มฐานอำนาจรากลงลึก

พฤติกรรมสร้างความหมั่นไส้ต่อตัวทรัมป์ไม่จำกัดเพียงแค่บทบาทในทำเนียบขาว สมาชิกครอบครัวทำตัวไม่ต่างจากพวกลูกท่านหลานเธอ ขาใหญ่ในการเมืองน้ำเน่าแบบไทยๆ เช่นกัน อย่างที่ว่าไว้ อะไรที่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย กำลังถูกทำให้ซ้ำรอยในสหรัฐฯ

ล่าสุดลูกสาวและลูกเขยคนโปรดของทรัมป์ ได้สร้างความหมั่นไส้ให้ชาวบ้านในย่านที่ครอบครัวนี้เข้าไปซื้อบ้านใหม่ราคา 5.5 ล้านเหรียญในย่านถนนคาโลรามาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ถือว่าเป็นย่านคนรวยอยู่ ไม่น้อยหน้าย่านที่อยู่อาศัยหรูๆ จอรจ์ทาวน์เช่นกัน

ครอบครัวนี้ไปอยู่ใหม่ ก็ไปยึดบริเวณที่จอดรถข้างถนน ห้ามคนเดินผ่าน มีกิจกรรมเยอะ ชาวบ้านที่เคยอยู่อย่างสงบเริ่มรู้สึกถูกรบกวนด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยในครอบครัวลูกหลานผู้นำรัฐบาล แถมยังได้สิทธิพิเศษเข้าออกทำเนียบขาวได้ตามใจชอบ

ลูกสาว “อิวองกา” ไม่มีตำแหน่งอะไรเป็นทางการ แต่มีบัตรผ่านเข้าทำเนียบขาว ตัวลูกเขย จาเร็ด คุชเนอร์ เป็นที่ปรึกษาท่านพ่อตา มีอิทธิพลไม่ธรรมดาช่วงนี้ต้องไปให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการของวุฒิสภากรณีความสัมพันธ์ของพ่อทรัมป์กับรัสเซียด้วย

เรื่องนี้กำลังสร้างปัญหาความมั่นคงให้รัฐบาลของทรัมป์ต่อเนื่อง ทำให้การแต่งตั้งรัฐมนตรี บุคคลสำคัญในองค์กรการเมืองต่างๆ เผชิญการตรวจสอบอย่างเข้มข้นโดยวุฒิสภา พวก ส.ว. พรรคเดโมแครต เริงร่ากันมากเมื่อเห็นทรัมป์กลายสภาพเป็นเสือลำบาก

ล่าสุด มีรายงานในหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ บอกว่าทรัมป์ไปใช้เวลาในสถานประกอบการธุรกิจของตัวเอง เช่น สนามกอล์ฟและรีสอร์ตมากถึง 21 วาระหรือวัน ทั้งๆ ที่เพิ่งรับตำแหน่งเข้าทำงานได้เพียง 66 วัน ถือว่าเป็นการเอาเวลาไปเสริมธุรกิจลงทุนส่วนตัว

แม้ทรัมป์จะไปช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ตาม ความถี่ที่ไปเยือนทรัพย์สิน ธุรกิจลงทุนส่วนตัวมากเกินไปจนดูน่าเกลียด เช่น ไปสนามกอล์ฟ 14 ครั้ง และไปเล่นกอล์ฟด้วยมากถึง 12 วาระ นี่ก็เป็นการเอาแบบอย่างตามนักเซ็งลี้ธุรกิจการเมืองของประเทศไทยเช่นกัน!

เท่ากับว่าทรัมป์เป็นผู้นำประเทศมานาน 9 สัปดาห์ แต่ใช้เวลา 3 สัปดาห์ในสถานที่ซึ่งเป็นธุรกิจของตัวเอง ทั้งๆ ที่เคยประกาศช่วงหาเสียงในเดือนสิงหาคมปีกลายว่าจะทุ่มเททุกอย่างทำงานเพื่อชาติ ประชาชนคงไม่มีโอกาสได้ไปพักผ่อนเล่นกอล์ฟเหมือนแต่ก่อน

หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ไปไล่ดู ก็เห็นทรัมป์ไปเยือนโรงแรมรีสอร์ต สนามกอล์ฟของตัวเองในเมืองต่างๆ ยิ่งมีเครื่องบินส่วนตัวด้วยแล้ว ก็ยิ่งสะดวก ทำอะไรก็ไม่มีใครรู้เห็น วันก่อนหน่วยอารักขาเฝ้าทรัมป์ทาวเวอร์ในนิวยอร์กโดนฉกเอาแล็ปท็อปมีแผนผังอาคารไป

สิ่งที่เกิดขึ้นกับทรัมป์ทำให้เราฉุกคิดได้ว่าอดีตผู้นำรัฐบาลไทยที่เคยไปจับมือถ่ายรูปกับทรัมป์อาจไปสอนเคล็ดลับให้ทรัมป์เข้าใจว่าธุรกิจของครอบครัวกับของรัฐเป็นคนละเรื่องเดียวกันก็ได้ ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ทรัมป์และครอบครัวใช้สิทธิต่างๆ อย่างเต็มกำลัง
กำลังโหลดความคิดเห็น