มิร์เรอร์ - สื่ออังกฤษนำเสนอข้อสันนิษฐานใหม่ที่อาจเป็นต้นตอของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินสายการบินอียิปต์แอร์ ระบุเที่ยวบิน MS804 ลำนี้อาจถูกอุกกาบาตพุ่งชนจนระเบิดบนท้องฟ้าเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
มิร์เรอร์ ออนไลน์ระบุว่า อุกกาบาตน้ำหนักราว 10,000 ตันพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกเมื่อวันอังคารที่แล้ว (17 พ.ค.) ด้วยความเร็ว 67,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นทางมิร์เรอร์ก็ได้รายงานข่าวนี้เช่นกัน
เว็บไซต์ข่าวดังของอังกฤษบอกต่อว่า ระหว่างเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ลูกบอลไฟยักษ์ได้แตกตัวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหลายพันชิ้น โดยชิ้นที่ใหญ่ที่สุดไปตกในอาร์เจนตินา
มิร์เรอร์อ้างว่าพวกเศษชิ้นส่วนขนาดเล็ก ซึ่งคาดหมายว่ามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 50 ถึง 60 เซนติเมตร พุ่งด้วยความเร็วต่ำ และสันนิษฐานว่าน่าจะไปตกที่ไหนสักแห่งระหว่างกรีนแลนด์กับออสเตรเลียในช่วงวันพุธ (18 พ.ค.) จนถึงวันศุกร์ (20 พ.ค.)
อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญคือเศษอุกกาบาตส่วนใหญ่ถูกคาดหมายว่าได้ตกลงสู่ภูมิภาคตะวันออกกลาง และตอนนี้มีข้อมูลชัดเจนแล้วว่าเหล่าเจ้าหน้าที่เคยได้รับแจ้งล่วงหน้าว่ามันอาจก่อปัญหาด้านการจราจรทางอากาศ
เที่ยวบิน 804 ของสายการบินอียิปต์แอร์ประสบเหตุเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในตอนเช้ามืดของวันพฤหัสบดี (19 พ.ค.) ราว 20 นาทีก่อนลงจอดที่ท่าอากาศยานไคโร ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 66 ชีวิตเสียชีวิตยกลำ
รายงานของเว็บไซต์ข่าวดังแห่งอังกฤษระบุต่อว่า รัสเซียเป็นประเทศแรกที่ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับการเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของอุกกาบาตลูกนี้ โดยเน้นย้ำถึงความเสี่ยงด้านการสัญจรทางอากาศ
ประกาศดังกล่าวถูกกระจายไปตามหน่วยงานต่างๆ ครอบคลุมถึงกองบัญชาการระบบอาวุธต่อต้านอากาศยานในซีเรีย ซึ่งประจำการระบบขีปนาวุธล้ำยุคเอส-400 ด้วยเตือนว่าอุกกาบาตอาจกระตุ้นระบบสัญญาณแจ้งเตือน
ในประกาศดังกล่าวระบุว่าอุกกาบาตลูกนี้ถูกตรวจพบโดย Okno สถานีสังเกตการณ์อวกาศของรัสเซียซึ่งตั้งอยู่ในทาจิกิสถาน ตอนที่มันกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่โลก และจากนั้นดาวเทียมคาโนปุสก็เกาะติดวิถีโคจรของมัน
เกือบ 1 สัปดาห์หลังจากโศกนาฏกรรมอียิปต์แอร์ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่คณะสืบสวนบอกว่าคงต้องใช้เวลานานนับเดือนถึงจะสามารถเผยแพร่รายงานการสืบสวนอย่างเป็นทางการฉบับแรกได้