เอเจนซีส์ / MGR online - การจัดลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์ในทาจิกิสถาน ในวันอาทิตย์ (22 พ.ค.) ปิดฉากลงแล้ว โดยเป็นที่คาดกันว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนกว่า 4.3 ล้านคน ในอดีตสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียตในภูมิภาคเอเชียกลางแห่งนี้จะเทคะแนนหนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดี เอโมมาลี ราคห์มอน และครอบครัวได้อยู่ในอำนาจยาวนานต่อไป
รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลจากคณะกรรมการการเลือกตั้งของทาจิกิสถาน ระบุว่า จำนวนผู้ที่ออกมาใช้สิทธิในการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีสัดส่วนราว 88.3 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมดราว 4.3 ล้านคนทั่วประเทศ
แม้จะยังไม่มีการประกาศผลการลงประชามติออกมาอย่างเป็นทางการ แต่เป็นที่คาดกันว่า ผู้มีสิทธิชาวทาจิกส่วนใหญ่จะเทคะแนน หนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศ เพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดี ราคห์มอน ที่ขณะนี้มีอายุ 63 ปี ได้ครองอำนาจยาวนานต่อไป แม้เขาจะปกครองประเทศนี้มายาวนานเกือบ 25 ปีแล้ว
นักวิเคราะห์ระบุว่า ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของทาจิกิสถานจะไม่ดีนัก แต่เป็นที่คาดกันว่า บทบาทของราคห์มอน ที่นำพาประเทศผ่านพ้นช่วงสงครามกลางเมืองนาน 5 ปี ที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1992 หลังได้รับเอกราชจากสหภาพโซเวียตไม่ถึง 1 ปี จะช่วยให้เขาได้รับการสนับสนุนให้อยู่ในอำนาจต่อไป
รายงานข่าวระบุว่า การจัดลงประชามติในทาจิกิสถานในครั้งนี้ แบ่งออกเป็นหลายหัวข้อ ทั้งการให้สิทธิคุ้มกันแบบตลอดชีพ แก่ประธานาธิบดี ราคห์มอน และครอบครัวจากการถูกดำเนินคดีอาญาทุกรูปแบบ เรื่อยไปจนถึงการลดข้อกำหนดเรื่องอายุขั้นต่ำของผู้มีสิทธิเป็นประธานาธิบดีของประเทศนี้ จากเดิม 35 ปี เป็น 30 ปี และการห้ามจัดตั้งพรรคการเมืองที่อิงกับศาสนา
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า การจัดลงประชามติโดยเฉพาะในหัวข้อที่เสนอให้มีการลดอายุขั้นต่ำของผู้มีสิทธิเป็นประธานาธิบดีลงเหลือ 30 ปีนั้น ถือเป็นการเอื้อประโยชน์โดยตรงให้กับ รุสตาม บุตรชายวัย 28 ปี ของราคห์มอน ที่ถูกวางตัวเป็นผู้สืบทอดอำนาจทางการเมือง ให้มีโอกาสก้าวขึ้นปกครองประเทศต่อจากบิดาของเขาได้เร็วขึ้น
ขณะที่การจัดลงประชามติในหัวข้อที่เสนอให้มีการห้ามจัดตั้งพรรคการเมืองที่อิงกับศาสนา ก็มีจุดประสงค์โดยตรงในการจำกัดการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน ที่นำโดยกลุ่มการเมืองของพวกอิสลามิสต์สุดโต่งในประเทศ