รอยเตอร์- สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงติเตียนมหาอำนาจตะวันตกที่พยายามยัดเยียดประชาธิปไตยแบบของตนให้แก่ชาติมุสลิมอย่างอิรักและลิเบีย โดยไม่เคารพวัฒนธรรมการเมืองท้องถิ่น
เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.) หนังสือพิมพ์ ลา ครัวซ์ ซึ่งเป็นสื่อคาทอลิกในฝรั่งเศส ได้เผยแพร่พระดำรัสของโป๊ปฟรานซิส ซึ่งพระองค์ตรัสว่า ยุโรปควรจะมีมาตรการบูรณาการผู้อพยพที่ดียิ่งขึ้นกว่านี้ พร้อมทรงอ้างถึงกรณีที่ “ซาดิก ข่าน” นักการเมืองมุสลิม ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีคนใหม่ของกรุงลอนดอน ว่าเป็นตัวอย่างของการหลอมรวมผู้คนที่ได้ผลสำเร็จจริง
“ท่ามกลางภัยคุกคามจากลัทธิอิสลามิสต์ก่อการร้ายในปัจจุบัน เราควรหันมาตั้งคำถามว่า เป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่ที่จะส่งออกแนวคิดประชาธิปไตยแบบตะวันตกไปยังประเทศที่ยังมีอำนาจและโครงสร้างการปกครองแบบชนเผ่า เช่น ในอิรัก และลิเบีย”
“เราจะก้าวหน้าไปไม่ได้ หากไม่นำบริบทด้านวัฒนธรรมมาพิจารณาร่วมด้วย”
“เคยมีชาวลิเบียคนหนึ่งพูดว่า เมื่อก่อนนี้เรามี กัดดาฟี หนึ่งคน แต่ตอนนี้เรามี 50 คน” โป๊ป ตรัส โดยทรงหมายถึง พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำเผด็จการลิเบียที่ถูกโค่นอำนาจและสังหารเมื่อปี 2011
พระสันตะปาปามักจะทรงวิจารณ์ “การล่าอาณานิคมทางวัฒนธรรม” (cultural colonialism) ซึ่งหมายถึงการที่ชาติตะวันตกพยายามยัดเยียดค่านิยมให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา เพื่อแลกกับการมอบความช่วยเหลือทางการเงิน
พระองค์ทรงเตือนว่า การกีดกันผู้อพยพนอกจากจะไม่ถูกต้องแล้ว ยังถือเป็นความ “เข้าใจผิด” มหันต์ในการต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย พร้อมกันนี้ทรงอ้างถึงเหตุโจมตีสนามบินและรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงบรัสเซลส์ที่คร่าชีวิตคนไปถึง 32 คน โดยทรงชี้ว่า “ผู้ก่อการร้ายก็เป็นชาวเบลเยียม เป็นลูกหลานของผู้อพยพ แต่พวกเขาเติบโตในชุมชนแออัด”
ในทางตรงกันข้าม โป๊ปทรงแสดงความชื่นชมชาวลอนดอนที่เลือก ซาดิก ข่าน เป็นนายกเทศมนตรีมุสลิมคนแรก
“ที่กรุงลอนดอน นายกเทศมนตรีคนใหม่เข้าพิธีสาบานตนในโบสถ์ และอาจจะได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถด้วย ปรากฏการณ์เช่นนี้บ่งบอกถึงความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องเร่งฟื้นฟูความสามารถในการหลอมรวมผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียว”