เอเอฟพี - โรดริโก ดูเตอร์เต ว่าที่ประธานาธิบดีขาโหดของฟิลิปปินส์ ประกาศวานนี้ (15 พ.ค.) ว่าจะนำโทษประหารชีวิตกลับมาใช้ใหม่ และอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงสามารถกระทำวิสามัญฆาตกรรมอาชญากรที่ขัดขืนการจับกุม นอกจากนี้ยังยินดีที่จะหารือโดยตรงกับ “จีน” เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททะเลจีนใต้
นายกเทศมนตรีฝีปากกล้าแห่งเมืองดาเวาได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวครั้งแรกหลังจากที่ชนะศึกเลือกตั้งผู้นำแดนตากาล็อกอย่างถล่มทลายเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยเตือนว่านโยบายล่าสังหารอาชญากรที่ตนใช้หาเสียงนั้น ไม่ใช่แค่คำขู่ลอยๆ
“ผมจะเรียกร้องให้สภาคองเกรสนำโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอกลับมาใช้ใหม่” ดูเตอร์เต วัย 71 ปี แถลงที่เมืองดาเวา พร้อมยืนยันว่าจะให้อำนาจหน่วยความมั่นคงกระทำวิสามัญฯ พวกแก๊งอาชญากร หรือคนร้ายที่ขัดขืนการจับกุม
“ถ้าพวกคุณขัดขืน หรือใช้ความรุนแรงต่อต้านเจ้าหน้าที่ ผมอนุญาตให้ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมได้เลย วิสามัญฯ แก๊งอาชญากร คุณได้ยินแล้วใช่ไหม? วิสามัญฯ พวกอาชญากรทุกคน”
ดูเตอร์เตยังมีแผนขอให้กองทัพส่ง “หน่วยทหารแม่นปืน” เข้ามาช่วยล่าสังหารอาชญากรอีกแรงหนึ่ง
ดูเตอร์เตระบุอีกว่า รัฐบาลของเขาจะประกาศเคอร์ฟิวห้ามดื่มสุราในที่สาธารณะหลังเวลา 02.00 น. และห้ามเด็กๆ เดินถนนคนเดียวในเวลากลางดึก หากตำรวจไปพบเด็กเดินอยู่คนเดียวในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้ปกครองจะถูกจับกุม และมีโทษจำคุกฐาน “ทอดทิ้งเด็ก”
ผู้นำขาโหดอธิบายว่า ตนต้องการนำโทษประหารที่ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี 2006 โดยคำสั่งของรัฐบาลกลอเรีย อาร์โรโย กลับมาใช้ลงโทษผู้ที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง โดยเฉพาะคดียาเสพติด แต่ก็รวมถึงโจรข่มขืน ฆาตกร และพวกที่ปล้นชิงทรัพย์ด้วย โดยตนเองนั้นชอบการ “แขวนคอ” มากกว่าการยิงเป้า เพราะไม่อยาก “เปลืองกระสุน” และเชื่อว่าการใช้ห่วงแขวนคอคนร้ายจนกระดูกสันหลังหักเป็นวิธีที่ “มีมนุษยธรรม” มากกว่า
คำมั่นสัญญาที่ว่าจะกวาดล้างอาชญากรรมให้หมดไปภายใน 3-6 เดือนหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้แคมเปญหาเสียงของ ดูเตอร์เต ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เนื่องจากโดนใจชาวแดนตากาล็อกส่วนใหญ่ที่เอือมระอากับปัญหาอาชญากรรมและการเรียกรับสินบน
ดูเตอร์เต ขู่จะสังหารอาชญากรในฟิลิปปินส์นับหมื่นๆ คน และถึงกับเคยพูดว่าจะฆ่าให้ถึง 100,000 คน และเอาศพคนเหล่านั้นไปทิ้งในอ่าวมะนิลา “เพื่อเป็นอาหารเลี้ยงปลาให้อ้วน”
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (15) ดูเตอร์เตได้แสดงความคับข้องใจที่คนส่วนใหญ่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย และสัญญาว่ารัฐบาลของเขาจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้
“ในสังคมเราทุกวันนี้ การเคารพกฎหมายเป็นแค่ทางเลือกเท่านั้น... อย่าคิดทำลายประเทศของผม เพราะผมจะฆ่าคุณแน่ ผมจะฆ่าคุณ และไม่มีการประนีประนอมเด็ดขาด ตราบใดที่ยังมีกฎหมายอยู่ ถ้าคุณหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนการจับกุม และถ้าคุณต่อสู้หรือใช้ความรุนแรงต่อต้านเจ้าหน้าที่ ผมก็จะสั่งตำรวจว่า ฆ่ามันได้เลย ”
ดูเตอร์เตจะเข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 30 มิ.ย. เพื่อเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีซึ่งมีวาระ 6 ปี
ประธานาธิบดีเบนิโญ อากีโน ผู้นำฟิลิปปินส์คนปัจจุบัน เคยออกมาเตือนประชาชนหลายครั้งในช่วงหาเสียงว่าดูเตอร์เตมีนิสัยเป็นเผด็จการ และจะทำให้ประเทศเข้าสู่ยุคแห่งควาหวาดกลัว แต่ถึงกระนั้น มาร์ โรซาส ผู้สมัครประธานาธิบดีที่ประกาศจะสานต่องานปฏิรูปเศรษฐกิจมหภาคที่เชื่องช้าแต่มีเสถียรภาพของ อากีโน กลับพ่ายแพ้ให้แก่ ดูเตอร์เต ด้วยคะแนนทิ้งห่างพอสมควร
ดูเตอร์เตถูกกล่าวหาว่าตั้ง “หน่วยล่าสังหาร” ปลิดชีพผู้ต้องสงสัยกระทำความผิดไปกว่า 1,000 คนในช่วงเวลากว่า 20 ปีที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา แต่เจ้าตัวอ้างว่า นโยบายของตนทำให้ดาเวาเป็นหนึ่งในเมืองที่ปลอดภัยที่สุดของฟิลิปปินส์
องค์กรสิทธิมนุษยชนชี้ว่า หน่วยล่าสังหารของ ดูเตอร์เต ซึ่งประกอบด้วยตำรวจ มือปืนรับจ้าง และอดีตโจรกบฏคอมมิวนิสต์ ลงมือฆ่าไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กที่กระทำความผิดเล็กๆ น้อยๆ
นายกเทศมนตรีปากร้ายยังเคยเรียกเสียงฮือฮาทั่วโลกด้วยการด่าพระสันตะปาปาว่าเป็น “ลูกกะหรี่” (son of a whore) แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน โฆษกของดูเตอร์เตอ้างว่าเขาได้ส่งจดหมายขอประทานอภัยไปยังโป๊ปแล้ว และยังมีแผนจะเดินทางเยือนวาติกันเร็วๆ นี้เพื่อเข้าเฝ้าฯ พระองค์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ว่าที่ผู้นำขาโหดได้ออกมาพลิกลิ้นอีกครั้งเมื่อวานนี้ (15) เมื่อผู้สื่อข่าวถามเรื่องการเดินทางไปวาติกัน เขาก็ตอบว่า “ไม่ล่ะ แค่นี้ก็พอ” โดยอ้างว่าได้ส่งจดหมายขออภัยไปแล้ว และการไปเข้าเฝ้าฯ พระสันตะปาปา “อาจเป็นการกระทำที่ซ้ำซ้อนเปล่าๆ” เพราะพวกผู้นำโบสถ์คาทอลิกในฟิลิปปินส์ต่างระบุว่า เขาอาจจะไม่ได้รับการอภัยอยู่ดี
ในด้านการต่างประเทศ ดูเตอร์เต ระบุว่าตนต้องการสานความสัมพันธ์อันดีกับจีน และพร้อมที่จะหารือโดยตรงกับปักกิ่งเกี่ยวกับข้อพิพาททะเลจีนใต้ซึ่งบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศอย่างรุนแรง
“ผมอยากจะเป็นมิตรกับทุกๆ ฝ่าย” เขาให้สัมภาษณ์ หลังถูกสื่อตั้งคำถามว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์ที่เขาเป็นผู้กุมบังเหียนจะผูกมิตรกับจีนมากกว่ายุคสมัยของ อากีโน หรือไม่
เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงมะนิลาจะเป็นผู้แทนต่างประเทศ 1 ใน 3 คนแรกที่ ดูเตอร์เต จะเดินทางไปพบในวันนี้ (16) โดยอีก 2 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น และประเทศที่ 3 ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม ดูเตอร์เต เคยพูดว่า เขายังไม่มีกำหนดเข้าพบเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ
รัฐบาลจีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งทรัพยากรและพลังงานขนาดใหญ่แล้ว ยังเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญของโลก ซึ่งแต่ละปีจะมีสินค้าที่ถูกขนส่งทางเรือผ่านน่านน้ำแถบนี้เป็นมูลค่าถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ท้องทะเลแถบนี้ยังถูกอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนโดยรัฐบาลฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย ไต้หวัน และบรูไน
ไม่กี่ปีมานี้ จีนยังได้เข้าไปถมทะเลสร้างเกาะเทียมขึ้นบริเวณแนวปะการังพิพาท และได้สร้างทางวิ่งเครื่องบินที่สามารถใช้ประโยชน์ทางทหารไว้บนเกาะเทียมบางแห่งด้วย
เมื่อปี 2012 จีนได้เข้าควบคุมแนวปะการังสการ์โบโร (Scarborough Shoal) ซึ่งเป็นแหล่งปลาชุมที่อยู่ในแนวเขตเศรษฐกิจจำเพาะของฟิลิปปินส์ ซึ่งรัฐบาล อากีโน ก็ได้ตอบโต้ด้วยการเซ็นข้อตกลงกลาโหมฉบับใหม่กับสหรัฐฯ และยังยื่นฟ้องต่อศาลอนุญาโตตุลาการถาวรที่กรุงเฮกเพื่อขอให้ช่วยตัดสินว่า การที่ปักกิ่งอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้นั้นปราศจากความชอบธรรม
กลยุทธ์แก้เผ็ดของ อากีโน สร้างความไม่พอใจต่อปักกิ่ง ซึ่งเรียกร้องให้มะนิลาแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจาแบบทวิภาคีเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า จีนไม่มีวันที่จะยอมสูญเสียดินแดนของตนอย่างแน่นอน