คู่ขัดแย้งเยเมนเตรียมหันหน้า “เจรจาสันติภาพ” รอบใหม่ หลังฝ่าย รบ.วอล์กเอาต์

เอเอฟพี - ฝ่ายคู่ขัดแย้งในเยเมนจะทำการเจรจาสันติภาพแบบเผชิญหน้าอีกครั้งในวันนี้ (4) หลังจากการหยุดพักนาน 3 วัน เนื่องจากการวอล์กเอาต์โดยผู้แทนเจรจาฝั่งรัฐบาล องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุ

การเจรจาซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน ได้หยุดลงในวันอาทิตย์ (1) หลังจากคณะผู้แทนฝั่งรัฐบาลเดินออกเพื่อเป็นการประท้วงต่อการที่หนึ่งในที่มั่นไม่กี่แห่งของฝ่ายรัฐบาลในเขตภูเขาทางตอนเหนือตกไปเป็นของฝ่ายกบฏที่หนุนหลังโดยอิหร่าน

“ผู้มีส่วนร่วมจะพบปะกันในวันพุธ (4) ในการประชุมเต็มคณะเพื่อติดตามผลของวาระที่ตกลงกันแล้ว” ทูตเอ็น อิสมาอิล อูล์ด ชีค อาห์เหม็ด กล่าว

นี่จะเป็นวันที่สองของการเจรจาแบบเผชิญหน้าเพื่อยุติความขัดแย้งที่คร่าชีวิตคนไปแล้วกว่า 6,400 คน และทำให้มีผู้พลัดถิ่นฐาน 2.8 ล้านคน นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว

ทูตยูเอ็น กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่คณะกรรมการสังเกตการณ์ที่ควบคุมข้อตกลงหยุดยิงวันที่ 11 เมษายน จะเริ่มต้นภารกิจสืบสวนการเข้ายึดครองฐานทัพอัล-อมาลิกอในจังหวัดอัมรานของฝ่ายกบฏ

คณะกรรมการชุดนี้จะเสนอรายงานภายใน 72 ชั่วโมง พร้อมคำแนะนำในทางปฏิบัติที่ทุกฝ่ายให้คำมั่นว่าจะทำตาม อูล์ด ชีค อาห์เหม็ด กล่าว

รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ อับดุลมาเล็ก อัล-มิคลาพี ซึ่งนำคณะผู้แทนฝ่ายรัฐบาลเรียกร้องให้ฝ่ายกบฏถอนกำลัง

ยูเอ็นเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องให้อำนาจคณะกรรมการสังเกตการณ์ในพื้นที่โดยเฉพาะในและนอกเมืองทาเอซ ซึ่งกองกำลังฝ่ายรัฐบาลอยู่ภายใต้การปิดล้อมมานานหลายเดือน ทำให้พลเรือนหลายหมื่นคนติดชะงัก

ฮิวแมนไรท์วอตช์ ซึ่งคอยวิพากษ์วิจารณ์การละเมิดกฎสงครามโดยรัฐบาล และเหล่าผู้สนับสนุนในกลุ่มพันธมิตรทางทหารที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย รวมถึงฝ่ายกบฏและแนวร่วม ได้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหยื่อจากการเจรจาในคูเวตนี้ที่มียูเอ็นเป็นคนกลาง

พวกเขาเรียกร้องให้ฝ่ายคู่ขัดแย้ง “สนับสนุนการสืบสวนของนานาชาติ กระบวนการยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน และการชดเชยให้กับเหยื่อในฐานะองค์ประกอบสำคัญของข้อตกลงใด ๆ ก็ตาม”

แม้ว่าฝ่ายรัฐบาลจะได้รับการสนับสนุนจากการแทรกแซงทางทหารที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเริ่มต้นในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แต่ฝ่ายกบฏและแนวร่วมของพวกเขายังคงควบคุมเมืองหลวงไว้อยู่ รวมถึงภูเขาหลายลูกทางตอนเหนือและตอนกลางตลอดจนชายฝั่งทะเลแดง

ยูเอ็นระบุว่า พลเรือนส่วนใหญ่ที่ถูกสังหารให้ความขัดแย้งในช่วง 14 เดือนที่ผ่านมาเสียชีวิตในการทิ้งระเบิดของกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย