เฟดมีมติไม่ขึ้นดอกเบี้ย อ้างเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว

เอเอฟพี - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมในวันพุธ (27 เม.ย.) โดยอ้างถึงการเติบโตชะลอตัวในเศรษฐกิจอเมริกา แม้ว่าภาคแรงงานเข้มแข็งขึ้นแล้วก็ตาม

แม้เฟดยังยึดจุดยืนเดิมนั่นคือจะค่อยๆ กระชับนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ตามลำดับ และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นในการประชุมคราวหน้าในเดือนมิถุนายนหรือไม่ แต่ภาษาที่ชี้ในถ้อยแถลงทางนโยบายหลังเสร็จสิ้นการประชุม 2 วัน บ่งชี้ว่าพวกเขามีความกังวลต่อเศรษฐกิจและภูมิทัศน์ทางการเงินโลกน้อยลงกว่าช่วงระหว่างไตรมาสแรกของปี

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งทางเฟดได้บ่งชี้ถึงการเติบโตโดยทั่วไปของเศรษฐกิจอเมริกา แม้ชะลอตัว 0.9 เปอร์เซ็นต์ไตรมาสแรกของปี ส่วนภาวะเงินเฟ้อที่อ่อนแอก็ยังคงเป็นความกังวลลำดับต้นๆ ของธนาคารกลางแห่งนี้

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า นับตั้งแต่การประชุมเมื่อเดือนมีนาคมสภาวะของตลาดแรงงานฟื้นตัวมากขึ้น แม้ว่าการเติบโตในกิจกรรมทางเศรษฐกิจดูเหมือนชะลอตัวลงก็ตาม “ยอดการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเติบโตขึ้นเล็กน้อย แม้รายได้ที่แท้จริงของครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ในระดับสูง”

ธนาคารกลางสหรัฐฯ ย้ำด้วยว่า การลงทุนทางธุรกิจและการส่งออกเบาบาง และอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2.0 เปอร์เซ็นต์ สืบเนื่องจากการดำดิ่งของราคาพลังงาน แต่อีกด้านหนึ่งก็ช่วยให้การนำเข้าสินค้าอื่นๆ มีราคาถูกลง

การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับต่ำ 0.25-0.50 เปอร์เซ็นต์ต่อไปตามคาดหมาย แต่นักวิเคราะห์มองหาบางอย่างที่จะบ่งชี้ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายนหรือไม่ หรือเฟดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความยุ่งเหยิงในตลาดเงินหรือเปล่า เช่นเดียวกับความเป็นไปได้ที่ชาวสหราชอาณาจักรจะลงคะแนนโหวตในวันที่ 23 มิถุนายน แยกตัวออกจากสหภาพยุโรปที่หลายฝ่ายเกรงว่ามันจะก่อความวุ่นวายแก่ตลาด

ถ้อยแถลงระบุว่า FOMC จะยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดต่อสิ่งบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อ เศรษฐกิจโลก และพัฒนาการทางด้านการเงินต่อไป ขณะที่ เอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส เป็นกรรมการ FOMC เพียงผู้เดียวจาก 10 คนที่ลงมติให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 0.50-0.75 เปอร์เซ็นต์