รอยเตอร์ - โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเต็งตัวแทนพรรครีพับลิกัน เมื่อวันพุธ (27เม.ย.) ย้ำนโยบายการต่างประเทศ หากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีจะยึดแนว “อเมริกา เฟิร์สต์” ไม่ยอมให้พันธมิตรเอาเปรียบอีกต่อไป โดยคู่หูยุโรปและเอเชียต้องแบกรับภาระทางการเงินด้านป้องกันตนเองมากขึ้น ไม่อย่างนั้นก็จะถูกปล่อยให้ปกป้องตัวเอง
ระหว่างการปราศรัยครั้งสำคัญ นายทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของบารัค โอบามา ว่าประธานาธิบดีจากเดโมแครตรายนี้ปล่อยให้จีนเอาเปรียบสหรัฐฯ และล้มเหลวในการกำราบพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส)
นายทรัมป์ให้คำสัญญาปัดฝุ่นออกจากนโยบายต่างประเทศของอเมริกา และบอกว่าจะแสวงหาความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับจีนและรัสเซีย
การปราศรัยของมหาเศรษฐีชาวนิวยอร์กครั้งนี้มีขึ้นในวันเดียวกับที่เขากวาดชัยชนะในศึกเลือกตั้งขั้นต้นใน 5 มลรัฐ ขยับเข้าใกล้การเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวในศึกเลือกตั้งวันที่ 8 พฤศจิกายน
นายทรัมป์บอกว่า เขาจะเสริมสร้างกองทัพสหรัฐฯ ในอัตราเดียวกับโปรแกรมทางทหารของจีนและรัสเซีย แต่ยืนยันว่าอเมริกาจะใช้กำลังทหารก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นอย่างแท้จริงเท่านั้น “ผมจะไม่เร่งรีบประจำการกำลังทหารเมื่อไม่มีทางเลือก แต่เมื่ออเมริกาต้องสู้ เราก็จะสู้เพื่อชัยชนะ ผมจะไม่มีทางส่งกองกำลังที่ดีที่สุดของเราลงสู่สมรภูมิรบจนกว่าจะมีความจำเป็นจริงๆ และจะทำอย่างนั้นก็ต่อเมื่อเรามีแผนสำหรับคว้าชัยชนะ”
ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียตกอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดจากหลายๆ ประเด็น ในนั้นรวมถึงกรณีมอสโกให้การสนับสนุนประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย นายทรัมป์บอกว่าการผ่อนคลายความตึงเครียดกับรัสเซียจากจุดยืนที่แข็งกร้าวนั้นมีความเป็นไปได้
นอกจากนี้แล้ว มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์เผยด้วยว่าเขาจะใช้อำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โน้มน้าวจีนให้ควบคุมโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ “จีนเคารพต่อความเข้มแข็ง และจากการปล่อยให้พวกเขาใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจของเรา เราได้สูญเสียความเคารพจากพวกเขาไปทั้งหมดแล้ว”
ตัวเต็งตัวแทนพรรครีพับลิกันรายนี้เรียกร้องให้จัดประชุมซัมมิตของทั้งนาโต้และพันธมิตรเอเชียแยกกัน เพื่อหารือสร้างสมดุลใหม่เกี่ยวกับคำสัญญาด้านการเงินของสหรัฐฯ ในการปกป้องประเทศเหล่านั้น
ทรัมป์บอกว่า พันธมิตรของอเมริกาได้ประโยชน์จากร่มเงาด้านการป้องกันจากสหรัฐฯ แต่ไม่จ่ายส่วนแบ่งที่ต้องรับผิดชอบอย่างยุติธรรม “ประเทศต่างๆ ที่เราปกป้องต้องจ่ายค่าป้องกันนี้ ถ้าไม่แล้วสหรัฐฯ ควรเตรียมการปล่อยให้ประเทศเหล่านั้นปกป้องตนเอง เราไม่มีทางเลือก”