เอพี/เอเจนซีส์ - ศาลไทยตัดสินให้คู่รักชาวเกย์ชนะคดีความ ได้สิทธิ์ขาดในการเลี้ยงดูลูกสาวที่เกิดจากการอุ้มบุญโดยหญิงไทย หลังจากที่ทางฝ่ายแม่อุ้มบุญไม่ยอมเซ็นเอกสารให้พาเด็กออกนอกประเทศ ด้วยข้ออ้างเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคู่เกย์
ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้ตัดสินในวันอังคาร (26 เม.ย.) กรณีการขอสิทธิในการรับเด็กหญิง “คาร์เมน” วัย 15 เดือนเป็นบุตร ตามคำร้องของ “กอร์ดอน เลค” ชาวอเมริกันผู้เป็นพ่อโดยสายเลือดของเด็กหญิงคนดังกล่าว กับสามีชาวสเปนของเขา “มานูเอล ซานโตส” ทั้งคู่อายุ 41 ปี
ไข่ที่ใช้ในการปฏิสนธินั้นได้รับมาจากผู้ให้บริจาคนิรนาม ส่วนแม่อุ้มบุญชาวไทย “ปทิตตา กุศลสร้าง” ไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับเด็กหญิง ในตอนแรกเธอได้ส่งมอบคาร์เมนให้แก่เลคที่โรงพยาบาลหลังคลอดเด็กอุ้มบุญ แต่ในภายหลังเธอใช้ข้ออ้างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคู่เกย์ พร้อมกับเรียกร้องขอตัวเด็กคืน
นับตั้งแต่คาร์เมนเกิดในเดือนมกราคมปีที่แล้ว เลคต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ลับแห่งหนึ่งในประเทศไทย ด้วยเกรงว่าลูกสาวจะถูกพรากตัวไป หลังจากที่ฝ่ายแม่อุ้มบุญได้ดำเนินการทางกฏหมาย ส่วนทางด้าน “มานูเอล ซานโตส” สามีของเลค กับลูกชายวัย 2 ขวบ “อัลวาโร” ซึ่งเป็นเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญในอินเดีย ได้ย้ายไปอยู่ที่สเปน
“เยส เราชนะแล้ว” เลค กล่าวออกมาหลังได้รับทราบคำตัดสิน ที่ยอมให้เขาเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในการเลี้ยงดูเด็กได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่เพียงฝ่ายเดียว
“อารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ มันเปี่ยมล้นอยู่ในใจเรา เรารู้มาตลอดว่าเรื่องของเรามันจะต้องจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แล้วเราก็แทบจะทนรอไม่ไหวที่จะได้อยู่กันพร้อมหน้า 4 คนอีกครั้ง” เลค บอกนักข่าว
ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ยอมรับการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน แต่คู่รักชาวเกย์คู่นี้ก็ยังเลือกประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไทยในการอุ้มบุญ เนื่องจากมีสถานประกอบการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง รวมถึงมีธุรกิจอุ้มบุญให้คู่รักชาวเกย์อยู่แล้วในแดนสยาม
อย่างไรก็ตาม ด้วยเรื่องอื้อฉาวหลายครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นกรณีนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นวัย 24 ปี กลายเป็นพ่อเด็กถึง 16 คน แถมเด็กส่วนใหญ่มาจากการอุ้มบุญ ทำให้เกิดการแบนธุรกิจนี้ในไทย
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากมีเด็กอุ้มบุญที่มีอาการดาวน์ซินโดรมถูกทิ้งไว้ให้อยู่กับแม่อุ้มบุญชาวไทย โดยที่พ่อแม่ชาวออสเตรเลียกลับเลือกที่จะพาตัวกลับไปแดนจิงโจ้เฉพาะลูกที่ปกติ
ทั้งนี้ การตั้งครรภ์เด็กหญิงคาร์เมนนั้น มีขึ้นก่อนธุรกิจอุ้มบุญจะถูกสั่งห้าม จึงได้รับการยกเว้นในการตัดสินคดีความครั้งนี้
ในการเปิดเผยกับเดอะการ์เดียนเมื่อปีที่แล้วของเลค แม่อุ้มบุญชาวไทย บอกว่า นึกว่าอุ้มบุญให้กับครอบครัวปกติ เมื่อพบว่าไม่ใช่ครอบครัวปกติ จึงกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของคาร์เมน แม่อุ้มบุญชาวไทยยังขอเขาหลายครั้งให้นำตัวเด็กไปให้เธอ
ในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ปทิตตา ได้ปรากฏตัวทางสถานีโทรทัศน์ของไทย โดยสวมหมวกและแว่นเพื่ออำพรางใบหน้า พร้อมทั้งระบุว่า ตอนแรกเธอคิดว่าได้ช่วยคู่รักปกติที่ถูกทำนองคลองธรรม
ขณะที่ทนายของแม่อุ้มบุญก็บอกว่า ปทิตตาไม่ได้มีอคติกับเกย์ เพียงแต่ไม่ต้องการขายลูกแลกกับเงิน
เลคเคยบอกว่า เขาได้แจ้งอย่างชัดเจนไว้กับทาง “นิวไลฟ์” บริษัทที่ทำธุรกิจอุ้มบุญในระดับนานาชาติ ว่า พวกเขานั้นเป็นคู่รักชาวเกย์ เขาตำหนิทางบริษัทอย่างหนักที่ไม่ยอมให้ข้อมูลแก่แม่อุ้มบุญมากเพียงพอ ตอนที่บริษัทปิดสาขาในกรุงเทพฯช่วงก่อนคาร์เมนเกิด
มาเรียม คูคูแนชวีลี ผู้ร่วมก่อตั้งนิวไลฟ์ ได้บอกกับเดอะการ์เดียนไว้ก่อนหน้านี้ ว่า แม่อุ้มบุญชาวไทยนั้นรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคู่เกย์ตั้งแต่เริ่มกระบวนการ แถมในช่วงเดือนกรกฎาคม ทั้งเลคและสามีก็ไม่ยอมทำตามคำแนะนำของ “นิวไลฟ์” สถานการณ์ต่าง ๆ ก็เลยคุมไม่อยู่นับตั้งแต่นั้นมา