เอเจนซีส/MGRออนไลน์ – สุลต่าน บิน เตอร์กี (Prince Sultan bin Turki) เป็น 1 ใน 3ของเชื้อพระราชวงศ์ระดับสูงที่ถูกรัฐบาลซาอุฯสั่งลักพาตัวในช่วงเวลา 12 เดือน โดยคนสนิทให้ข้อมูลกับเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษยืนยันว่า เจ้าชายได้หายตัวไปจากเที่ยวบินปารีส-ไคโรในวันที่ 1 ก.พ เพื่อเยียมพระสหายและพระราชบิดาผู้มีศักดิ์เป็นพระเชษฐาองค์โตของกษัตริย์ซาอุฯองค์ปัจจุบัน ที่กำลังลี้ภัยในกรุงไคโรและสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้มีเจ้าชายซาอุฯอีก 2 พระองค์ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกัน
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้( 29 มี.ค) ถึงการหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำของ สุลต่าน บิน เตอร์กี (Prince Sultan bin Turki)ว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทำงานให้กับเจ้าชายสุลต่าน บิน เตอร์กี ผู้ที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องคดีความที่มีรัฐบาลซาอุฯเป็นจำเลย อ้างกับหนังสือพิมพ์อังกฤษว่า “เจ้าชายพระองค์นี้ทรงถูกลักพาตัวจากยุโรปโดยปราศจากความยินยอมพร้อมใจ”
ดิอินดีเพนเดนต์รายงานเพิ่มเติมว่า เป็นที่รู้กันดีว่าสุลต่าน บิน เตอร์กี ทรงมีสัมพันธภาพที่เลวร้ายกับรัฐบาลซาอุฯ และพระองค์เป็นเพียงเชื้อพระวงศ์เพียงพระองค์เดียวที่ประกาศออกมาสู่สาธารณะเรียกร้องให้มีการ “ปฎิรูปภายในราชวงศ์ซาอุฯ” และยังรวมไปถึง สุลต่าน บิน เตอร์กี ทรงได้ฟ้องร้องทางคดีในปี 2004 ในข้อหาลักพาตัว
ซึ่งสื่ออินเตอร์เนชันแนลบิสซิเนสไทม์ส มีรายงานว่า เจ้าชายสุลต่าน บิน เตอร์กี และผู้ติดตามถูกพบเห็นครั้งสุดท้ายบนเครื่องบินสายการบินซาอุฯเที่ยวบินปารีส-ไคโร ที่เจ้าชายพระองค์นี้ทรงมีแผนที่จะเยี่ยมพระสหายและพระราชบิดา เจ้าชายเตอร์กี (Prince Turki) ที่ใช้กรุงไคโร และสหรัฐฯเป็นเสมือนที่ลี้ภัยมานานหลายปีนับตั้งแต่พระองค์มีปัญหากับราชวงศ์ซาอุฯ
และมีรายงานว่า เจ้าชายสุลต่าน บิน เตอร์กี นั้นทรงผู้ที่ได้ชื่อระมัดระวังพระองค์เป็นอย่างมาก โดยพระองค์ได้จัดให้มีหน่วยอารักขาเฝ้ารักษาความปลอดภัยตลอด 24 ช.ม
เดอะการ์เดียนรายงานเพิ่มเติมว่า ซึ่งในวันที่ 1 ก.พ ที่ผ่านมา เจ้าชายสุลต่าน บิน เตอร์กีและคณะผู้ติดตามได้ขึ้นเครื่องบินสัญชาติซาอุฯจากสนามบินปารีสเพื่อมุ่งหน้าไปกรุงไคโร อียิปต์ โดยมีผู้ติดตามเจ้าชายได้ทำการจองที่พักให้ทั้งคณะที่โรงแรมเคมพินสกี (Kempinski Hotel) ในย่านการ์เดน ซิตี ดิสตริก แต่ไม่ปรากฏการเข้าพักของเจ้าชายแต่อย่างใด
โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดสุลต่าน บิน เตอร์กีที่อยู่ในเหตุการณ์ที่กรุงปารีสกล่าวกับเดอะการ์เดียนว่า “มีเครื่องบินสายการบินซาอุฯที่มีเที่ยวบินจะไปยังกรุงไคโร แต่เครื่องบินลำนี้ไม่ได้บินไปกรุงไคโร” และแหล่งข่าวยังกล่าวต่อว่า “เครื่องบินลำนี้มีธงประเทศซาอุฯปักไว้บริเวณส่วนหาง คาดว่าเครื่องบินลำนี้น่าจะออกมาจาก “ราชอาณาจักร” ”
นอกจากนี้ความสับสนและเงื่อนงำยังมีเพิ่มตามลำดับเมื่อพบว่า ก่อนที่สุลต่าน บิน เตอร์กีจะเสด็จขึ้นเครื่องออกจากกรุงปารีส มีเชื้อพระวงศ์ซาอุฯระดับสูงได้โทรศัพท์ติดต่อมายังสุลต่าน บิน เตอร์กีหลายครั้ง เหมือนจะทำให้เจ้าชายสุลต่าน บิน เตอร์กีมั่นใจ ซึ่งแหล่งข่าวผู้ติดตามได้เผยว่า “สุลต่านระดับสูงพระองค์นี้ได้ทรงติดต่อเจ้าชายสุลต่าน บิน เตอร์กีราว 2-3 ครั้งใช้คำพูดด้วยความสุภาพและให้เกียรติอย่างสูง และสุลต่านพระองค์นี้ถึงกับมอบเงินส่วนหนึ่งให้เจ้าชายไว้ใช้สอย และก่อนหน้านี้เมื่อเจ้าชายสุลต่าน บิน เตอร์กีจะตัดสินพระทัยเสด็จเยือนกรุงปารีส สุลต่านระดับสูงพระองค์นี้ได้ตรัสว่า “อย่าวิตก พวกเราจะจัดการทุกอย่างไว้ให้” และคำพูดนี้ดูเหมือนทำให้เจ้าชายสุลต่าน บิน เตอร์กีทรงค่อยเบาใจ แต่ทว่านี่กลับเป็นสิ่งที่ผิดพลาดมหันต์ และสุลต่าน บิน เตอร์กีกำลังต้องจ่ายในราคาที่แสนแพงอยู่”
และดิอินดีเพนเดนต์งานต่อว่า ด้านพระสหายที่เฝ้ารอพระองค์อยู่ที่กรุงไคโรได้เปิดเผยว่า “โทรศัพท์ครั้งสุดท้ายจากเจ้าชาย สุลต่าน บิน เตอร์กี นั้นดูเหมือนพระองค์จะมีพระสรวล และทรงตรัสอย่างติดตลกว่า ตามหมายกำนดการข้าพเจ้าต้องเดินทางมายังกรุงไคโรในสัปดาห์นี้ด้วยเครื่องบินประจำราชวงศ์ซาอุฯ แต่หากพวกท่านไม่พบตัวข้าพเจ้าแล้ว แสดงว่าพวกเขาได้จับตัวข้าพเจ้ากลับไปยังกรุงริยาด เพื่อดำเนินการบางอย่าง”
อินเตอร์บิสซิเนสไทม์สรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีเจ้าชายซาอุฯอีก 2 พระองค์ที่ถูกลักพาตัวหายไปอย่างลึกลับ คือ (1) เจ้าชาย เตอร์กี บิน บันดาร์ บิน โมฮัมเหม็ด บิน อับดูราห์ มาน อัล-ซาอุด (Prince Turki bin Bandar bin Mohammed bin Abdurahman al-Saud )(2)เจ้าชายซาอุด บิน ซาอีฟ อัล - นาซร์ บิน ซาอุด บิน อับดูลาซิส อัล-ซาอุด( Prince Saud bin Saif al-Nasr bin Saud bin Abdulaziz al-Saud) และล่าสุดคือ เจ้าชายสุลต่าน บิน เตอร์กี ซึ่งสื่อธุรกิจชี้ว่า ความเหมือนของทั้ง 3 พระองค์ที่ได้หายตัวไป คือการ “วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลริยาด”
ก่อนหน้าที่จะเดินทางออกมาจากซาอุฯ เจ้าชายเตอร์กี บิน บันดาร์ ทรงเคยปฎิบัติหน้าที่เป็นตำรวจมาก่อน และสื่อธุรกิจชี้ว่า การเดินทางมายุโรป กรุงปารีสของเจ้านายซาอุดีอาระเบียพระองค์นี้ พระองค์ทำการหลบหนี (defected)ไปยังกรุงปารีส และมีรายงานว่าเจ้าชาย เตอร์กี บิน บันดาร์ได้ยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองในกรุงปารีส และเจ้าชายพระองค์นี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์การปฎิรูปการเมืองซาอุฯอย่างสันติ
พร้อมกันนี้พระองค์ยังได้ทรงประกาศที่เปิดเผยทุกเรื่องผ่านตัวหนังสืออีกด้วย
ซึ่งการปรากฏทางหน้าข่าวของเจ้าชายฯ เจ้าชายเตอร์กี บิน บันดาร์เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2015 และหลังจากนั้นดูเหมือนเจ้าชายพระองค์นี้จะทรงหันเหไปทางการลงทุนธุรกิจ เพราะมีข่าวว่าฯ เจ้าชายเตอร์กี บิน บันดาร์ได้เดินทางไปยังโมร็อกโกเพื่อธุรกิจและได้หายตัวไปหลังจากนั้น
โดยแหล่งข่าวฝ่ายตรงกันข้ามริยาดได้เปิดเผยกับเดอะการ์เดียนในขณะนั้นว่า “มีใครบางคนให้ข้อมูลกับเจ้าชายเตอร์กี บิน บันดาร์ว่า โมร็อกโกปลอดภัย ดังนั้นพระองค์จึงเดินทางไปที่นั่นเพื่อลงทุนทำธุรกิจ และรัฐบาลโมร็อกโกกลับจับพระองค์และแอบสางมอบให้กลับริยาด”