เดอะการ์เดียน/เอพี - ความตึงเครียดเรื่องการปฏิบัติต่อผู้ทำฟาร์มปศุสัตว์ 2 รายในอเมริกาได้ทวีความรุนแรงกลายเป็นจับอาวุธเข้าเผชิญหน้ากันในช่วงสุดสัปดาห์ เมื่อสมาชิกของกลุ่มพลเรือนติดอาวุธที่เป็นพวกเอียงขวาได้บุกยึดสำนักงานของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งหนึ่ง ทั้งยังขู่ว่าพร้อมจะห้ำหั่นกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ
“แอมมอน บันดี้” ลูกชายเจ้าของฟาร์มในเนวาดา คือคนที่เป็นหัวใจสำคัญของความขัดแย้งเรื่องสิทธิ์ในทุ่งปศุสัตว์ที่ยื้อกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เขาและพรรคพวกนับสิบพร้อมอาวุธครบมือได้เข้ายึดสำนักงานใหญ่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเมลเฮอร์เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น แล้วบอกว่าจะอยู่ยาวไม่มีกำหนด
ช่วงก่อนหน้าที่พวกเขาจะยึดสำนักงาน มีการประท้วงอย่างสงบเรื่องการปฏิบัติต่อคนทำฟาร์มปศุสัตว์ 2 ราย ได้แก่ “ดไวท์ แฮมมอนด์” กับ “สตีฟ” ลูกชายของเขา ทั้งคู่ถูกตัดสินจำคุกจากข้อหาวางเพลิง โดยมีกำหนดต้องไปรายงานตัวที่เรือนจำในวันจันทร์นี้
การยึดสำนักงานเริ่มขึ้นตอนเวลาประมาณ 14.00 น. หลังจากนั้น 2 ชั่วโมง “เดอะการ์เดียน” ได้ไปยังพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเบิร์นลงมาทางใต้ราว 60 ไมล์ เข้าถึงได้เส้นทางเดียว โดยถนนริมทะเลสาบที่ราบเรียบไปด้วยน้ำแข็งและกองหิมะ
ตอนนั้นดูเหมือนยังไม่มีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอยู่ในบริเวณนั้น รวมถึงไม่มีสื่อมวลชนรายอื่นๆ มีเพียงชายไว้เคราแพะสวมแว่นกันแดด พร้อมกับถือปืนไรเฟิลคล้าย AR-15 ยืนเฝ้ายามอยู่คนเดียว เขาไม่ยอมให้นักข่าวเข้าไปในสำนักงาน
เขาปฏิเสธที่จะบอกชื่อและข้อมูลความเกี่ยวข้องใดๆ โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของปฏิบัติการ อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มชายหลายคนที่พกพาอาวุธสงครามอย่างเปิดเผยกำลังตั้งแคมป์บริเวณนั้น
“ดินแดนสาธารณะแห่งนี้เป็นของพวกเราแล้ว เราจะอยู่ที่นี่เพื่อดื่มด่ำกับหิมะและทัศนียภาพ” เขากล่าว
เดอะการ์เดียนได้รับอนุญาตให้ถ่ายรูปนิดหน่อย แล้วก็ได้รับคำแนะนำจากคนกลุ่มนี้ว่าควรออกจากบริเวณดังกล่าว ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาตำรวจก็ได้ปิดถนนและบอกให้ผู้คนอยู่ให้ห่างจากแถวนั้น
“หลังจากการประท้วงอย่างสงบในวันนี้เสร็จสิ้นลง กลุ่มคนจากนอกพื้นที่ซึ่งพกพาอาวุธก็ได้บุกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเมลเฮอร์และยึดสำนักงาน หลายหน่วยงานกำลังร่วมมือกันในขณะนี้เพื่อหาทางแก้ปัญหา” เดฟ วอร์ด นายอำเภอของฮาร์นีย์ เคาน์ตี ระบุ
เบธ แอน สตีล โฆษกของเอฟบีไอในพอร์ตแลนด์ บอกสำนักข่าวเอพีว่า ทางเอฟบีไอได้รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว
ไรอัน เพย์น หนึ่งในกลุ่มคนที่ยึดสำนักงาน บอกทางโทรศัพท์ว่าพวกเขาไม่ตั้งใจจะให้เกิดความรุนแรง แต่เมื่อใดก็ตามที่เจ้าหน้าที่ของท้องถิ่นและของรัฐบาลกลางมาถึง อะไรก็ตามที่มันจะเกิดขึ้นมันก็ต้องเกิดขึ้น พวกเขาเชื่อมั่นในพระเจ้าและตั้งใจที่จะสนับสนุนรัฐธรรมนูญ
เพย์นไม่เต็มใจที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างชัดเจน บางแหล่งข่าวบอกว่าจำนวนคนอาจสูงถึง 150 คน
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เดอะการ์เดียนไปเยือนบริเวณดังกล่าวในช่วงก่อนหน้านั้น มีรถจอดอยู่บริเวณทางเข้าด้านหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไม่ถึงสิบคัน
แอมมอน บันดี ผู้ซึ่งมีพ่อเป็นฮีโร่ของชาวบ้านที่เป็นพวกเอียงขวา เพราะเคยเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางในเนวาดา ดูเหมือนว่าจะเป็นกุญแจสำคัญของเหตุการณ์นี้
เขาเรียกร้องให้พลเรือนสหรัฐฯ ที่มีความคิดแบบเดียวกับเขาเดินทางมาที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดังกล่าว เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและสนับสนุนสิ่งที่เขาบอกว่าเป็นสัญลักษณ์ของการห้ำหั่นกันระหว่างเกษตรกรที่ยากจนกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง
“เราออกมาอยู่ที่นี่เพราะผู้คนถูกล่วงละเมิดมานานพอแล้ว” เขากล่าวในวิดีโอให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ซึ่งโพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กเมื่อคืนวันเสาร์
เมื่อถูกถามว่าจะรับมือกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างไร บันดีดูจะไม่เน้นพูดในเรื่องการเผชิญหน้า โดยบอกว่าเขาและคนอื่นในกลุ่มไม่เป็นภัยคุกคามต่อใคร
“สถานที่นี้เป็นของประชาชน ดังนั้นถ้าหากพวกเขามาทำร้ายเรา พวกเขาก็ทำเพียงเพื่อสถานที่หรือสำนักงาน ซึ่งผมไม่เชื่อว่านั่นเป็นการอนุญาตให้ฆ่าคนได้” บันดีระบุ
ไคลเวน บันดี พ่อของแอมมอน บอกสถานีโทรทัศน์โอเรกอน เมื่อคืนวันเสาร์ว่า เขาไม่มีส่วนกับการยึดสำนักงานดังกล่าว เพียงแต่ลูกชายของเขารู้สึกว่าต้องทำเรื่องนี้ในฐานะตัวแทนของแฮมมอนด์
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดว่าควรจะเกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน คุณก็รู้ ถ้าพวกแฮมมอนด์ไม่อาจยืนหยัดสู้ นายอำเภอไม่ช่วยสู้ คุณก็รู้ว่าประชาชนคงต้องทำอะไรสักอย่าง ผมเดาว่านี่คงเป็นสิ่งที่พวกเขาตัดสินใจทำกัน ซึ่งผมไม่เกี่ยวด้วยเลย”
แอมมอน บันดี กับพรรคพวกได้เคลื่อนไหวครั้งนี้ หลังการประท้วงเรื่องที่พ่อลูกแฮมมอนด์จะถูกจำคุก ซึ่งดึงดูดพวกเอียงขวาละแวกนั้นให้มาเข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีคนในท้องถิ่นอีกมากที่ออกมาเพื่อช่วยสนับสนุน สตีเวน แฮมมอนด์ วัย 48 ปี กับพ่อของเขา ดไวท์ แฮมมอนด์ วัย 78 ปี ซึ่งเป็นคนดังในฮาร์นีย์ เคาน์ตี
ทั้งคู่ได้จุดไฟเผาป่าหลายครั้งมาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 1990 เพื่อให้เป็นทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงปศุสัตว์ แต่ในปี 1999, 2001 และ 2006 ไฟได้ลามเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเมลเฮอร์ที่อยู่ละแวกข้างเคียง
พ่อลูกคู่นี้ถูกตัดสินในความผิดฐานวางเพลิงเมื่อ 3 ปีก่อน ดไวท์ผู้เป็นพ่อโดนโทษ 3 เดือน ส่วนลูกชายโดนโทษ 1 ปี อย่างไรก็ตาม ต่อมามีการระบุว่าโทษของพวกเขานั้นเบาไปภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง จึงมีคำสั่งให้พวกเขาทั้งคู่กลับมาติดคุกอีกคนละ 4 ปี นำมาซึ่งการรวมตัวกันประท้วงของผู้คน
ก่อนการยึดสำนักงานจะเกิดขึ้นมีการเดินขบวนเพื่อสนับสนุนพ่อลูกคู่นี้ด้วยคนเข้าร่วมประมาณ 300 คน ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นในลานจอดรถของซูเปอร์มาร์เกต เบิร์น เซฟเวย์ ตอนเที่ยงวันเสาร์ ผู้คนในท้องถิ่นและตัวแทนของกลุ่มพลเรือนติดอาวุธ “ทรี เพอร์เซ็นเตอร์” จากไอดาโฮ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้นานกว่า 1 เดือนแล้ว โดยพูดถึงการให้พ่อลูกแฮมมอนด์กลับไปเข้าคุกอีกรอบว่าเป็นประเด็นสิทธิพลเรือน
กลุ่มพลเรือนติดอาวุธที่ยึดสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบอกว่า พวกเขาจะอยู่ที่นั่นไปอีกนาน
“เราวางแผนกันว่าจะอยู่ที่นี่ไปอีกหลายปีแน่นอน นี่ไม่ใช่เรื่องที่เราเพิ่งจะมาตัดสินใจกันในนาทีสุดท้าย” แอมมอน บันดี กล่าว