xs
xsm
sm
md
lg

สื่ออังกฤษได้เอกสารคู่มือสร้างรัฐของไอเอส ชี้มีการบริหารอย่างเป็นระบบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เดอะการ์เดียน - สื่ออังกฤษเผยได้รับเอกสารภายในที่เป็นหนังสือคู่มือของกลุ่มรัฐอิสลาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิธีที่กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้ใช้ในการสร้างรัฐของพวกเขาในอิรักและซีเรีย โดยแบ่งงานเป็นกระทรวงแบบรัฐบาล ทั้งเรื่องการคลังและโครงการด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง

เอกสารจำนวน 24 หน้า ซึ่งทาง "เดอะ การ์เดียน" ได้รับมานั้น เป็นแผนการสำหรับสร้างความสัมพันธ์กับต่างชาติ ปฏิบัติการที่เต็มไปด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ การควบคุมแบบรวมศูนย์สำหรับน้ำมัน ก๊าซ รวมถึงอย่างอื่นที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ

เอกสารคู่มือชุดนี้ ถูกเขียนขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยจั่วหัวไว้ว่าเป็นหลักการสำหรับบริหารรัฐอิสลาม มีการระบุถึงแรงบันดาลใจในการสร้างรัฐของพวกเขา รวมถึงวิธีบริหารจัดการเพื่อให้พวกเขาเป็นกลุ่มนักรบญิฮัดที่ร่ำรวยและสร้างความวุ่นวายได้มากที่สุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา

เมื่อรวมกับเอกสารอื่นๆ ที่เดอะการ์เดียนเคยได้รับมา มันทำให้เกิดภาพของกลุ่มดังกล่าว ที่ถึงแม้จะให้ปฏิญาณในการก่อตั้งหลักการแห่งความรุนแรงที่โหดเหี้ยม แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ให้ความสำคัญในเรื่องอื่นด้วย อาทิ สาธารณสุข การศึกษา พาณิชย์ การสื่อสารและการทำงาน พูดให้สั้นคือพวกเขากำลังสร้างรัฐ

ในขณะที่เครื่องบินของชาติตะวันตก ได้ยกระดับการโจมตีทางอากาศเข้าใส่กลุ่มไอเอสในซีเรีย แต่การต่อสู้ในสมรภูมินี้ไม่ได้ง่ายเหมือนบวกลบทางคณิตศาสตร์ ไอเอสมีมากกว่าแค่จำนวนนักรบ

เอกสารชุดนี้ ซึ่งใช้ฝึกสอนบรรดาบุคคลที่เป็นฝ่ายบริหาร ถูกเขียนขึ้นหลังจากผู้นำกลุ่มไอเอส "อาบู บาการ์ อัล-บักดาดี" ประกาศถึงการเป็นคอลีฟะห์ในอิรักและซีเรียเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2014 ได้เพียงไม่กี่เดือน โดยในเอกสารได้ร่างวิธีบริหารจัดการหน่วยงานกระทรวงต่างๆ ในรูปแบบรัฐบาล อาทิ การศึกษา ทรัพยากรธรรมชาติ อุตสาหกรรม ความสัมพันธ์กับต่างชาติ การประชาสัมพันธ์และการทหาร

เอกสารได้ระบุถึงช่วงเวลาระหว่างกรกฎาคม - ตุลาคม 2014 เกี่ยวกับรายละเอียดการสร้างค่ายฝึกแต่ละแห่งที่แยกจากกัน สำหรับฝึกทหารทั่วไปกับเหล่านักรบผ่านศึก โดยประเภทหลังนี้มีการระบุว่า ในแต่ละปีนักรบผ่านศึกเหล่านี้จะต้องทบทวนการฝึกทุก 2 สัปดาห์ เพื่อรับการฝึกสอนเกี่ยวกับบทเรียนล่าสุดเรื่องศิลปะในการใช้อาวุธ การวางแผนทางทหาร รวมถึงเทคโนโลยีทางทหาร

พวกนักรบผ่านศึกเหล่านี้ยังจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีของศัตรู รวมถึงวิธีที่ทหารของกลุ่มจะสามารถสร้างความได้เปรียบเหนืออีกฝ่าย

เอกสารชุดนี้ยังได้แนะนำให้มีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลจัดการค่ายทหาร โดยมีอาคารสักแห่งเป็นที่ทำการ พร้อมทั้งระบุด้วยว่า มันจะต้องไปได้สวย มีศักยภาพยิ่งกว่า "อัลกออิดะห์" ในอัฟกานิสถาน ช่วงที่วางแผนก่อการร้าย 9/11

เอกสารชุดนี้ยังเปิดเผยให้โลกได้รับรู้ด้วยว่า กลุ่มไอเอสมีความตั้งใจมาตลอดที่จะฝึกเด็กให้เรียนรู้ศิลปะในการทำสงคราม ซึ่งจากการโฆษณาชวนเชื่อของไอเอสในปีที่แล้วก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีเด็กได้รับการฝึกฝน หรือแม้กระทั่งให้เด็กยิงผู้ที่ถูกจับได้โดยกลุ่มไอเอส

ในเอกสารที่ระบุว่าเขียนโดยชาวอียิปต์ชื่อ "อาบู อับดุลเลาะห์" เขียนไว้ชัดเจนถึงการฝึกฝนเด็กในช่วงกลางปี - ปลายปี 2014 ซึ่งเด็กเหล่านี้จะได้รับการฝึกอาวุธเบา เด็กคนไหนที่มีทักษะโดดเด่น จะถูกเลือกให้มารับหน้าที่ดูแลความปลอดภัย อย่างเช่นประจำตามจุดตรวจและออกตรวจตรา

ข้อความในเอกสารยังกล่าวถึงความจำเป็นที่กลุ่มไอเอสจะต้องสร้างความเป็นปึกแผ่นระหว่างนักรบต่างชาติกับชนพื้นเมืองเพื่อให้กลุ่มสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยจะสร้างอาคารทางทหารและโรงงานผลิตอาหาร รวมถึงสร้างเขตเซฟโซนแยกออกมาสำหรับคนในท้องถิ่น

เอกสารชุดนี้ได้มาจากนักธุรกิจรายหนึ่งผู้ซึ่งทำงานอยู่ภายในกลุ่มไอเอส โดยส่งผ่านนักวิจัยทางวิชาการ "ไอเมนน์ อัล-ทามิมี" ผู้ทำงานตลอดปีที่ผ่านมา ในการรวบรวมเอกสารของกลุ่มไอเอสที่ปรากฏออกมาสู่สาธารณะ

ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เดอะการ์เดียนไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับนักธุรกิจคนดังกล่าวได้มากกว่านี้ แต่เขาเคยแอบปล่อยเอกสารของกลุ่มไอเอสออกมารวมแล้วเกือบ 30 ชุด หนึ่งในนั้นเป็นรายงานด้านการเงินจากจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งภายใต้การควบคุมของไอเอส

กลุ่มไอเอสต้องเจ็บช้ำจากการถูกโจมตีอย่างหนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่มีชาวสุหนี่ในเมืองรอกเกาะห์ชี้ให้เห็นว่า คู่มือสร้างรัฐชุดนี้อาจดูดีบนแผ่นกระดาษแต่การลงมือทำจริงไม่สวยหรูแบบนั้น

อย่างไรก็ตาม ทามิมี ระบุว่า คู่มือชุดนี้ รวมถึงเอกสารอื่นๆ มากกว่า 300 แผ่นของกลุ่มไอเอสที่เขาได้รับตลอดปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการสร้างประเทศที่ใช้การได้จริง โดยมีแนวคิดแบบยึดหลักศาสนาดั้งเดิมอย่างเคร่งครัดคือเป้าหมายหลักของไอเอส เป็นโครงการที่มุ่งมั่นจะปกครอง ไม่ใช่เพียงแค่ทำการสู้รบอย่างไม่รู้จักจบสิ้น

พล.อ.สแตนลีย์ แม็คคริสตัล (เกษียณแล้ว) ผู้เคยนำหน่วยทหารเข้าช่วยทำลายกลุ่ม "ไอเอสไอ" (Islamic State of Iraq) ในอิรักช่วงปี 2006 - 2008 ซึ่งถือว่าเป็นบรรพบุรุษของไอเอส ได้ระบุว่า ถ้าเอกสารพวกนี้เป็นของจริง มันก็น่าสนใจและควรที่จะให้ทุกคนได้อ่าน โดยเฉพาะเหล่าผู้กำหนดนโยบายในซีกโลกตะวันตก

"ถ้าชาติตะวันตกมองไอเอสในฐานะกลุ่มตัวแทนของพวกนักฆ่าโรคจิต เราก็กำลังเสี่ยงมากที่ประเมินพวกเขาต่ำไป" อดีตนายพลสหรัฐฯ กล่าว

"ในเอกสารชุดนี้ คุณได้เห็นถึงการมุ่งเน้นไปที่เรื่องการศึกษาแบบปลูกฝังอย่างจริงจัง โดยเริ่มกับเด็กๆ ซึ่งจะมีความก้าวหน้าผ่านตำแหน่งของพวกเขา ซึ่งต้องยอมรับว่าการกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพคือองค์ประกอบสำคัญ ลองนึกถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อจะเป็นจ้าวแห่งข้อมูลข่าวสารสำหรับชวนเชื่อ กับความตั้งใจที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดในการเคลื่อนไหวครั้งก่อนๆ ของพวกเขาสิ" อดีตนายพลสหรัฐฯ กล่าว

ชาร์ลี วินเตอร์ นักวิจัยอาวุโสจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียร์ ผู้ซึ่งได้เห็นเอกสารชุดนี้แล้ว ระบุว่า มันแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเตรียมพร้อมระดับสูงของกลุ่มไอเอส

"มันช่างห่างไกลจากการเป็นกองทัพคนบ้ากระหายเลือดไร้เหตุผล พวกไอเอสเป็นองค์กรที่มีการคำนวณทางการเมืองอย่างลึกซึ้ง โดยมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีการวางแผนมาอย่างดีและซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง" ชาร์ลี กล่าว

พล.ท.แกรม แลมบ์ อดีตหัวหน้าหน่วยรบพิเศษของสหราชอาณาจักร ระบุว่า เอกสารชุดนี้เป็นคำเตือนต่อยุทธศาสตร์ทางทหารที่ใช้อยู่ในขณะนี้

อ้างอิงจากข้อความในเอกสารที่ไอเอสได้ย้ำหลายครั้งว่าพวกเขาเป็นตัวแทนที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของชาวอาหรับที่เป็นมุสลิมนิกายสุหนี่ในภูมิภาคนี้ แลมบ์ได้ระบุว่า มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องทำให้แน่ใจว่า บรรดาผู้นำมุสลิมสุหนี่นั้นสู้รบกับกลุ่มไอเอส มิฉะนั้นจะกลายเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับปีศาจร้ายกลุ่มนี้

"การมองไอเอสเป็นเป้าหมายที่ต้องทำลายอย่างเป็นระบบ โดยกองกำลังอื่นนอกเหนือมุสลิมสุหนี่ในตะวันออกกลาง ถือเป็นการเข้าใใจที่ผิดพลาดต่อการสู้รบนี้ มันจะต้องเป็นการสู้รบที่นำโดยผู้นำที่เป็นชาวมุสลิมสุหนี่เชื้อสายอาหรับ กับบรรดาชนเผ่าจำนวนมากทั่วภูมิภาคนี้ โดยมีชาติตะวันตกและศาสนาอื่นๆ ในตะวันออกกลางคอยให้การสนับสนุน" แลมบ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น