เอเจนซีส์ / MGR online – กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) , ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) , องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และองค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ประกาศจับมือร่วมกันให้ความช่วยเหลือบรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก ในการต่อสู้กับกระบวนการหลบเลี่ยงภาษีข้ามชาติ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดขององค์กรระหว่างประเทศทั้ง 4 แห่งในวันพุธ (20 เม.ย.) มีขึ้นหลังการเปิดโปงเรื่องอื้อฉาว กรณี “ปานามา เปเปอร์ส” ที่มีการรั่วไหลของเอกสารทางการเงินจำนวนมาก จากบริษัทกฏหมายแห่งหนึ่งในประเทศปานามา ซึ่งปรากฏว่ามีนักการเมืองระดับโลกและผู้ใกล้ชิดหลายราย มีเอี่ยวในขบวนการหลบเลี่ยงภาษีข้ามชาติ รวมถึง นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนแห่งสหราชอาณาจักร , นายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ แห่งปากีสถาน และผู้ใกล้ชิดประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย
“ความพยายามร่วมมือกันในครั้งนี้เกิดขึ้นในจังหวะเวลาที่เหมาะสม เกี่ยวกับประเด็นด้านภาษีระหว่างประเทศ ซึ่งพวกเราต่างเห็นตรงกันว่า การเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบภาษี ผ่านกระบวนการนโยบายและการบริหารจัดการที่ดี จะถือเป็นกุญแจดอกสำคัญในการแก้ปัญหานี้ที่จะต้องได้รับการปรับปรุงเป็นลำดับแรก” คำแถลงร่วมของทั้ง 4 องค์กรระบุ
รายงานข่าวระบุว่า องค์กรระหว่างประเทศทั้ง 4 แห่งเห็นพ้อง ที่จะต้องมีการจัดทำกลไกหรือเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือบรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย จากการตกเป็นเหยื่อกลโกงของบริษัทและภาคธุรกิจในการหลบเลี่ยงภาษีด้วยวิธีการต่างๆ
ขณะที่ทางองค์การสหประชาชาติเผยว่าในแต่ละปี เงินช่วยเหลือจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์จากองค์กรระหว่างประเทศต่อประเทศกำลังพัฒนาได้ถูกปฏิเสธ เพราะผลพวงจากการทำธุรกรรมทางการเงินที่ไม่สุจริต ที่เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ
ด้าน กริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ของไอเอ็มเอฟ ออกมาระบุว่า ที่ผ่านมา ประเทศกำลังพัฒนามักตกเป็นเหยื่อของการออกแบบกลโกงและนวัตกรรมใหม่ๆ ของพวกบริษัทข้ามชาติ และถือเป็นภาระหน้าที่อันสำคัญยิ่งที่ประชาคมโลกจะต้องยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาให้รู้เท่าทันในเรื่องนี้
