รอยเตอร์ - เกิดอาฟเตอร์ช็อกหลายระลอกเขย่าขวัญผู้รอดชีวิตในญี่ปุ่นเมื่อวันพุธ (20 เม.ย.) เกือบ 1 สัปดาห์หลังถูกสั่นสะเทือนด้วยแผ่นดินไหวรุนแรงคร่าชีวิตผู้คนเกือบครึ่งร้อย ขณะเดียวกันได้เกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.8 นอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ แต่ไม่มีการแจ้งเตือนสึนามิหรือรายงานความเสียหายใดๆ
ทีมกู้ภัยใช้รถแบ็กโฮและพลั่วขุดฝ่าซากบ้านเรือนที่ถูกดินถล่มลงมาทับจนพบร่างไร้วิญญาณของผู้หญิงรายหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายคนที่ยังสูญหาย จากนั้นก็มีคำยืนยันพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 1 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 48 ศพ
ประชาชนหลายร้อยคนในพื้นที่คุมาโมโตะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ต้องอาศัยหลับนอนในรถยนต์ต่ออีกคืน เนื่องจากยังไม่กล้ากลับเข้าบ้านที่ได้รับความเสียหาย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการเสียชีวิตจากลิ่มเลือดอุดตัน สืบเนื่องจากการนั่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คับแคบนานเกินไป หลังจากพบผู้หญิงวัย 51 ปีรายหนึ่งเสียชีวิตจากอาการดังกล่าว และมีอย่างน้อย 12 คนต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเครายงานว่า มีประชาชนอย่างน้อย 11 รายเสียชีวิตจากอาการป่วยต่างๆ อันเกี่ยวข้องกับการอยู่ในศูนย์อพยพนานเกินไป ขณะที่แผ่นดินไหวลูกแรกเกิดขึ้นในช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่แล้ว (14 เม.ย.) และลูกใหญ่สุดวัดความรุนแรงได้ 7.3 เกิดขึ้นในราวอีก 27 ชั่วโมงต่อมา
“ฉันคิดอยู่ตลอดว่าเดี๋ยวแผ่นดินไหวก็หยุด แต่มันยังสั่นไหวไม่หยุด” ผู้หญิงรายหนึ่งกล่าว ณ ศูนย์อพยพในเมืองมาชิกิ หนึ่งในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุด “มันน่ากลัวจริงๆ”
มีอาฟเตอร์ช็อกสั่นสะเทือนเกาะคิวชูแล้วมากกว่า 680 ครั้งนับตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน โดยในนั้นราว 89 ครั้งวัดความรุนแรงได้ในระดับ 4.0 หรือมากกว่านั้น ซึ่งหนักหน่วงพอที่จะเขย่าอาคารบ้านเรือนสั่นไหว
ขณะเดียวกัน สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) ระบุว่าเกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.8 สั่นสะเทือนนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นในช่วงเย็นวันพุธ(20 เม.ย.) แต่ไม่มีการประกาศเตือนสึนามิ หรือรายงานความเสียหายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บใดๆ
เบื้องต้นยูเอสจีเอสวัดความรุนแรงได้ 6.1 ก่อนปรับลดลงมาเหลือ 5.8 และบอกว่ามันมีศูนย์กลางห่างจากเมืองเซนได บนเกาะฮอนชู ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 104 กิโลเมตร ใกล้จุดที่เกิดแผ่นดินไหวหายนะ ก่อสึนามิลูกยักษ์ซัดถล่มในเดือนมีนาคม 2011 คร่าชีวิตชาวบ้าน 20,000 ราย
บนเกาะคิวชูมีประชาชนเกือบ 100,000 คนอยู่ตามศูนย์อพยพต่างๆ บางส่วนหมกตัวอยู่ในผ้าห่มด้านนอกท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บยามค่ำคืน ด้วยอุณหภูมิลดต่ำสุดถึง 8 องศาเซลเซียส
คาดหมายว่าจะมีฝนตกหนักในพื้นที่ เพิ่มความกังวลว่าแถบเนินเขาต่างๆ ที่อ่อนแออยู่ก่อนแล้วจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวอาจพังถล่มลงมา
เจ้าหน้าที่เริ่มต้นสำรวจอาคารและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่ดูแล้วอาจไม่ปลอดภัย ขณะที่มีบ้านเรือนและอาคารหลายร้อยหรืออาจถึงพันหลังที่พังถล่มลงมา ด้วยจำนวนมากโค่นลงมาเพราะใช้กระเบื้องหลังคาแบบโบราณที่มีน้ำหนักมาก
แม้ว่าอาคารสาธารณะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอันเข้มงวด แต่กฎหมายยังผ่อนปรนแก่บ้านพักส่วนตัว จึงเป็นเหตุให้มีบ้านเรือนพังถล่มลงมาเป็นจำนวนมาก ขณะที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่เดินทางกลับเข้าบ้านหลังจากผ่านพ้นแผ่นดินไหวลูกแรกไม่นาน