เอเจนซีส์ - แผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 6.1 โยกคลอนชายฝั่งของเอกวาดอร์อีกครั้งในวันพุธ (20 เม.ย.) เพียงแค่ 4 วันหลังธรณีพิโรธครั้งก่อนซึ่งทรงพลังยิ่งกว่านี้ และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างกว้างขวาง โดยทางการระบุว่ายังมีผู้สูญหายถึง 1,700 คน และปรับยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 507 ราย ขณะที่ประธานาธิบดี ราฟาเอล คอร์เรียระบุประเทศชาติเสียหายราว 3,000 ล้านดอลลาร์ และอาจฉุดอัตราเติบโตลง 2-3%
สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (USGS) แจ้งว่า แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดที่รุนแรงระดับ 6.1 เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.33 น.ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (ตรงกับ 15.33 น.เวลาเมืองไทย) ณ ระดับความลึก 15.7 กม. โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองมูอิสเนไปทางตะวันตก 2.5 กม. และอยู่ห่างจากเมืองโปรปิเซียไปทางตะวันตก-ตะวันตกเฉียงใต้ 73 กม. ขณะที่ทางการเอกวาดอร์เองให้ตัวเลขระดับความรุนแรงอยู่ที่ 6.2
เจ้าหน้าที่รับผิดชอบของเอกวาดอร์บอกด้วยว่า นี่น่าจะเป็นอาฟเตอร์ช็อก และไม่ได้มีการออกคำเตือนคลื่นสึนามิ รวมทั้งในเฉพาะหน้านี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บล้มตายหรือความเสียหายใดๆ
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันอังคาร (19) หรือสามวันหลังแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ถล่มเมืองท่องเที่ยวชายฝั่งแปซิฟิกของเอกวาดอร์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งในและนอกประเทศ สุนัขดมกลิ่น และอุปกรณ์ขุด ยังคงทำงานแข่งกับเวลาเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตในเมืองที่ประสบภัย เช่น เปเดอร์นาเลส และมันตา ขณะที่กลิ่นศพลอยคละคลุ้งรุนแรงขึ้น
ดิเอโก ฟูเอนเตส รัฐมนตรีมหาดไทยเอกวาดอร์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคารว่า ทางการมีรายชื่อผู้สูญหาย 2,000 คน ซึ่งล่าสุดพบแล้วเพียง 300 คน
สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 507 ราย และผู้บาดเจ็บ 4,605 คน
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความตึงเครียดและวิตกกังวล ประธานาธิบดีคอร์เรียประกาศว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยผู้ประสบภัยออกมาจากใต้ซากอาคาร 54 คน
ทั้งนี้ ด้วยเดิมพันการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในปีหน้า ทำให้มาตรการรับมือของรัฐบาลถูกจับตาอย่างใกล้ชิด
กองกำลังความมั่นคงและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ดูเหมือนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และเจ้าหน้าที่รัฐบาลรีบรุดไปยังพื้นที่ประสบภัย กระนั้น ประชาชนในหลายพื้นที่ อาทิ ที่เมืองมันตาที่มีประชากร 253,000 คน เริ่มหมดความอดทน และโจมตีว่าทั้งการบรรเทาทุกข์และการค้นหาผู้รอดชีวิตล่าช้าไม่ทันการณ์ หลายพื้นที่ขาดแคลนน้ำ อาหาร และยา รวมถึงพลังงาน และระบบขนส่ง
คอร์เรียที่เดินทางไปตรวจสถานการณ์และแจกจ่ายน้ำและอาหารในเมืองมันตา อธิบายกับประชาชนว่า การดำเนินการต่างๆ ค่อนข้างยากลำบาก แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ท้อถอย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินหลายร้อยคนจากโคลอมเบีย เม็กซิโก เอลซัลวาดอร์ และอีกหลายประเทศ เดินทางไปช่วยหน่วยกู้ภัยเอกวาดอร์ เช่นเดียวกับสวิตเซอร์แลนด์และสเปนที่ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติ 83 คนไปสมทบ และคิวบาส่งแพทย์ไปช่วยรักษาผู้บาดเจ็บ
ขณะเดียวกัน มีความกังวลมากขึ้นว่าประชาชนเรือนแสนซึ่งไม่มีที่อยู่อาศัยจากแผ่นดินไหว มีความเสี่ยงเจ็บป่วยด้วยโรคที่มียุงเป็นพาหะ และจากน้ำดื่มที่ไม่สะอาด
ยูนิเซฟออกแถลงการณ์เตือนว่า เด็ก 150,000 คนได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ และว่าเหตุดินถล่มเป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการกู้ภัยในบางพื้นที่ และบางเมืองยังไม่มีไฟฟ้าใช้
สภากาชาดสเปนเสริมว่า ชาวเอกวาดอร์ 100,000 คนกำลังต้องการความช่วยเหลือ
รัฐบาลเอกวาดอร์แถลงว่า ได้รับสินเชื่อฉุกเฉิน 600 ล้านดอลลาร์แล้ว ทว่า คอร์เรียระบุว่าประเทศได้รับความเสียหายอย่างหนักและต้องใช้งบประมาณถึง 3,000 ล้านดอลลาร์ และระยะเวลา 2-3 ปีในการฟื้นฟูจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 4 ทศวรรษที่อาจฉุดอัตราเติบโตของประเทศ 2-3% ซึ่งถือเป็นข่าวร้ายอย่างยิ่ง เนื่องจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ตั้งแต่ก่อนเกิดแผ่นดินไหวว่าเศรษฐกิจเอกวาดอร์ปีนี้จะหดตัวถึง 4.5%