xs
xsm
sm
md
lg

นายพลสหรัฐฯ ชี้ “คิมจองอึน” ก้าวร้าว-บ้าเลือดยิ่งกว่าพ่อ เตือนวอชิงตันต้องพร้อมรับความเสี่ยงขั้นสูงสุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อดีตผู้นำคิม จอง อิล แห่งเกาหลีเหนือ (ซ้าย) และผู้นำ คิม จอง อึน บุตรชายคนเล็ก
รอยเตอร์ - พล.อ.วินเซนต์ บรูกส์ ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ในแปซิฟิก ยอมรับว่าผู้นำ คิม จอง อึน ของเกาหลีเหนือมีนิสัย “ก้าวร้าว กล้าเสี่ยง และหุนหันพลันแล่น” มากกว่า คิม จอง อิล ผู้เป็นบิดา แม้แต่จีนซึ่งเป็นมหามิตรหนึ่งเดียวของเปียงยางก็ยังไม่พอใจที่ผู้นำหนุ่มรายนี้มุ่งพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์อย่างไม่ลดละ

บรูกส์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ ได้แถลงชี้แจงต่อคณะกรรมการวุฒิสภาสหรัฐฯ วานนี้ (19 เม.ย.) ว่า ตน “ไม่อาจคาดหวังในแง่ดี” เกี่ยวกับสิ่งที่เกาหลีเหนือจะทำต่อไปอนาคต

สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเป็น “ระเบิดไฮโดรเจน” และต่อมาอีกเพียง 1 เดือนก็ได้ยิงดาวเทียมสู่ห้วงอวกาศ ซึ่งนานาชาติเชื่อว่าเป็นแค่แผนอำพรางการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลมากกว่า

ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางได้ยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง “มูซูดัน” เพื่อฉลองวันเกิดอดีตประธานาธิบดี คิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งประเทศ แต่แผนการล้มเหลวไม่เป็นท่า

“คิม จอง อึน มีความมุ่งมั่นและก้าวร้าวมากกว่าพ่อของเขาในเรื่องการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และไม่สนใจด้วยว่านานาชาติจะคิดอย่างไร” บรูกส์ระบุในหนังสือที่เขียนตอบข้อซักถามของคณะกรรมการกิจการกองทัพแห่งวุฒิสภา

นายพลผู้นี้อ้างถึงเรื่องที่ คิม จอง อึน สั่งประหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปหลายคน นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโสมแดงต่อจากบิดาเมื่อปลายปี 2011

“เราเห็นแนวโน้มความไร้เสถียรภาพซึ่งจะเกิดจากพฤติกรรมของคิม จอง อึน และการที่เขาไม่คิดจะหาใครมาเป็นที่ปรึกษา”

นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่าเปียงยางอาจทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ก่อนที่การประชุมสมัชชาพรรคแรงงานจะเปิดฉากขึ้นในช่วงต้นเดือน พ.ค.นี้
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือเผยแพร่ภาพการทดสอบเครื่องยนต์จรวดพิสัยไกลข้ามทวีปที่ออกแบบและผลิตขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์และช่างเทคนิคของโสมแดง ณ สถานีดาวเทียมโซแฮในจังหวัดพยองันเหนือ (ภาพเผยแพร่เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2016)
บรูกส์ระบุว่า ผู้นำกองทัพจีนบางคนยอมรับกับเขาว่า “ทุกวันนี้จีนไม่สามารถใช้อิทธิพลควบคุมเกาหลีเหนือได้อย่างที่เคยเป็น” แต่ตัวเขาเองยังกังขาในข้อนี้

“ตามที่ผมประเมิน ผมเชื่อว่ารัฐบาลจีนคงรู้สึกท้อแท้ และไม่อยากจะใช้อำนาจกดดันจนถึงขั้นที่ระบอบเกาหลีเหนืออยู่ต่อไปไม่ได้”

เมื่อเดือน มี.ค. คิม จอง อึนได้ออกมาประกาศความสำเร็จในการพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ย่อส่วน (miniaturized nuclear warhead) และอ้างว่านักวิทยาศาสตร์โสมแดงสามารถคิดค้นระบบ re-entry นำขีปนาวุธพิสัยไกลกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้แล้ว ซึ่งหากเป็นความจริง การครอบครองเทคโนโลยีนี้จะถือเป็นพัฒนาการก้าวสำคัญที่นำไปสู่การผลิตขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทั้งอเมริกา และชาติอื่นๆ ในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ในเกาหลีใต้ยังไม่เชื่อคำโอ้อวดเหล่านี้ และมั่นใจว่าเกาหลีเหนือยังต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกอีกหลายปีกว่าจะพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปสำเร็จ

บรูกส์ได้กล่าวย้ำจุดยืนของกองทัพ ซึ่งเห็นว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องเตรียมรับมือสถานการณ์ขั้นเลวร้ายที่สุด

“ด้วยระยะเวลาและทรัพยากรที่เกาหลีเหนือทุ่มเทให้กับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ เราควรคาดคะเนไว้ก่อนว่าเกาหลีเหนือมีศักยภาพด้านเทคนิคมากพอที่จะติดตั้ง และส่งหัวรบนิวเคลียร์ด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลได้แล้ว”

บรูกส์เสริมอีกว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องรับ “ภาระหนัก” ในการคงทหารอเมริกันไว้บนคาบสมุทรเกาหลี และโครงการก่อสร้างของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มูลค่าราว 10,800 ล้านดอลลาร์ก็ได้งบสนับสนุนจากโซลถึง 92%

กำลังโหลดความคิดเห็น