รอยเตอร์ - หน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐฯ ออกมาสรุปยืนยันเป็นครั้งแรกว่า การติดเชื้อไวรัสซิกาขณะตั้งครรภ์เป็นสาเหตุทำให้ทารกเกิดมามีศีรษะเล็กผิดปกติ (microcephaly) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหวังว่าคำยืนยันนี้จะช่วยให้ทุกฝ่ายมุ่งหาวิธีป้องกันการติดเชื้อ ขณะที่สภาคองเกรสสหรัฐฯ คาดว่าจะมีการอนุมัติงบฉุกเฉินเพื่อสกัดกั้นการระบาดของไวรัสชนิดนี้
“ไวรัสซิกาคือต้นเหตุที่ทำให้ทารกเกิดมาศีรษะเล็ก อย่างไม่มีอะไรต้องสงสัยอีก” ดร.ทอม ฟรีเดน ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (ซีดีซี) แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวันพุธ (13 เม.ย.)
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกได้เตือนมานานหลายสัปดาห์ว่า พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างไวรัสซิกาที่มียุงเป็นพาหะ กับจำนวนเด็กที่เกิดมาศีรษะเล็กในประเทศที่เชื้อชนิดนี้แพร่ระบาด เช่น บราซิล ทว่ายังไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งวันนี้
รัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา เรียกร้องให้สภาคองเกรสซึ่งพรรครีพับลิกันซึ่งครองเสียงข้างมาก ยอมอนุมัติงบประมาณฉุกเฉิน 1,900 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการป้องกันไวรัสซิกาซึ่งขณะนี้ได้ลุกลามมาจนถึงเครือรัฐเปอร์โตริโก และคาดว่าจะระบาดเข้ามาถึงพื้นที่บางส่วนของสหรัฐฯ ในช่วงที่อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น
ในส่วนของมาตรการเฉพาะหน้า ทำเนียบขาวประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะผันงบประมาณ 589 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาใช้รับมือการมาถึงของไวรัสซิกา
คำยืนยันจากซีดีซีที่ว่าไวรัสชนิดนี้คือต้นเหตุของภาวะศีรษะเล็กในเด็กทารก คงจะทำให้คองเกรสปฏิเสธการอนุมัติงบฉุกเฉินตามที่ โอบามา เรียกร้องได้ยากขึ้น
เมื่อเดือน ก.พ. องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้การระบาดของไวรัสซิกาเป็นภัยฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก หลังพบว่าการติดเชื้อไวรัสขณะตั้งครรภ์อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับการที่เด็กเกิดมาศีรษะเล็กและพิการทางสมอง
ซีดีซีระบุว่า ภาวะศีรษะเล็กเป็นเพียงหนึ่งในความพิการแต่กำเนิดขั้นร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ ขณะที่ทางการบราซิลยืนยันพบทารกที่เกิดมาศีรษะเล็กแล้วว่า 1,100 ราย และเชื่อว่าส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากไวรัสซิกาแทบทั้งสิ้น