รอยเตอร์ - เกาหลีเหนือเมื่อวันอังคาร (12 เม.ย.) กล่าวหาเกาหลีใต้ลักพาตัวพลเมืองของพวกเขาในจีน 4 วันหลังจากโซลกล่าวอ้างว่าได้เกิดการแปรพักตร์ของพนักงาน 13 คนของภัตตาคารแห่งหนึ่งในประเทศที่สาม ซึ่งบริหารงานโดยเปียงยาง
สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) อ้างคำสัมภาษณ์ของโฆษกสภากาชาดแดนโสมแดง ระบุว่าการลักพาตัวพลเมืองของพวกเขาเป็นการยั่วยุที่มิอาจยอมรับได้และเรียกร้องให้ส่งตัวคนเหล่านั้นคืนกลับมา
“เราขอประณามอย่างรุนแรงต่อการลักพาตัวหมู่พลเมืองของเกาหลีเหนือ ว่าเป็นการก่ออาชญากรรมอันน่าขยะแขยงต่อเกียรติภูมิและระบบทางสังคมของเรา รวมถึงชีวิตและความปลอดภัยของพลเมืองของเรา” โฆษกสภากาชาดเกาหลีเหนือกล่าว
เกาหลีใต้ระบุเมื่อวันศุกร์ (8 เม.ย.) ว่าพนักงาน 13 คนของภัตตาคารแห่งหนึ่งซึ่งบริหารงานโดยเกาหลีเหนือ ในประเทศหนึ่งซึ่งไม่ระบุชื่อ ได้แปรพักตร์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเดินทางมาถึงกรุงโซลในวันพฤหัสบดี (7 เม.ย.)
ทางการโซลไม่ได้บอกว่าทั้ง 13 คนทำงานอยู่ในประเทศใด แต่ในวันจันทร์ (11 เม.ย.) จีนระบุว่ามีชาวเกาเหลีเหนือ 13 คนที่อยู่ในประเทศของพวกเขาเดินทางนอกประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้เจาะจงอย่างชัดเจนว่าคนเหล่านี้เป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่
สภากาชาดเกาหลีเหนือบอกว่าทางกลุ่มของลูกจ้างประจำภัตตาคารในเมืองหนิงป่อของจีน และถูกพาไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศหนึ่ง ก่อนบินเข้าสู่เกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม ทางสภากาชาดเกาหลีเหนือไม่ได้ระบุว่าพวกเขามีจำนวนเท่าไหร่
ข่าวคราวเกี่ยวกับการแปรพักตร์คราวนี้เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ตามหลังการทดสอบนิวเคลียร์รอบ 4 ในเดือนมกราคม และการยิงจรวดพิสัยไกลในเดือนต่อมาของเกาหลีเหนือ
สองชาติเกาหลีเหนือกลายเป็นคู่ปรปักษ์ที่ดุเดือดมาตั้งแต่สงครามเกาหลีระหว่างปี 1950-53 และนับตั้งแต่นั้นมีผู้คนจากเกาหลีเหนือหลบหนีไปยังเกาหลีใต้ราว 29,000 คน ในนั้นรวมถึงจำนวน 1,276 คนของปีก่อน