เอเอฟพี - กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแสดง “ความไม่พอใจอย่างยิ่ง” ต่อถ้อยแถลงของรัฐมนตรีจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 ซึ่งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นต่อปัญหาข้อพิพาททางทะเล ในขณะที่หลายประเทศรอบภูมิภาคต่างเป็นกังวลเรื่องการขยายอิทธิพลทางทหารและการอ้างกรรมสิทธิ์ของปักกิ่ง
“รัฐบาลจีนไม่พอใจอย่างยิ่งกับท่าทีของกลุ่ม G7” ลู่ คัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุในคำแถลงวันนี้ (12 เม.ย.)
“เราขอให้สมาชิก G7 ปฏิบัติตามคำสัญญาที่ว่าจะไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในเรื่องข้อพิพาทดินแดน ตลอดจนเคารพความพยายามของทุกชาติในภูมิภาค หยุดใช้ถ้อยคำหรือการกระทำที่ไม่รับผิดชอบ และช่วยส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างสร้างสรรค์”
รัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม G7 ซึ่งประกอบด้วยแคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมที่เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 10-11 เม.ย. ที่ผ่านมา และได้ประกาศคำแถลงร่วม “เป็นห่วงสถานการณ์ความขัดแย้งในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ และขอย้ำความสำคัญของการคลี่คลายข้อพิพาทด้วยสันติวิธี”
“เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการแสดงออกในเชิงข่มขู่ คุกคาม หรือยั่วยุฝ่ายเดียว ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงสถานภาพในปัจจุบัน หรือทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น”
แม้คำแถลงร่วมของ G7 จะไม่ได้เอ่ยถึงจีนอย่างชัดเจน แต่ก็เป็นที่ทราบกันว่าจีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ รวมถึงส่วนที่ทับซ้อนกับเขตอำนาจอธิปไตยของบรูไน มาเลเซีย เวียดนาม ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ และยังเข้าไปถมทะเลสร้างเกาะเทียมบริเวณหมู่เกาะพิพาทสแปรตลีย์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ด้านญี่ปุ่นก็มีข้อบาดหมางกับจีนเรื่องหมู่เกาะเซนกากุในทะเลจีนตะวันออก โดยเกาะนี้อยู่ในความควบคุมของรัฐบาลโตเกียวตามกฎหมาย ทว่าปักกิ่งยกปูมหลังทางประวัติศาสตร์มาอ้างความเป็นเจ้าของ โดยเรียกมันในภาษาจีนว่า “เตี้ยวอี๋ว์”
รัฐมนตรี G7 ยังเรียกร้องให้ “ทุกรัฐที่เกี่ยวข้องหลีกเลี่ยงการเข้าไปแปรสภาพที่ดิน” และ “สร้างสาธารณูปโภค... โดยมีวัตถุประสงค์ด้านการทหาร” ซึ่งข้อนี้ปักกิ่งระบุว่า เป็นการพาดพิงถึงจีนโดยตรง
“ด้วยสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังคงฟื้นตัวช้าอยู่ในเวลานี้ กลุ่ม G7 ควรจะหันไปใส่ใจเรื่องการบริหารจัดการและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ดีกว่าที่จะมากระพือข้อพิพาททางทะเล และเพิ่มความตึงเครียดให้แก่ภูมิภาคนี้” ลู่ กล่าว