เอเจนซีส์ - รัฐมนตรีสาธารณสุขของอิตาลีเปิดเผยว่า ได้มีการจับกุมพยาบาลรายหนึ่งที่ต้องสงสัยว่าทำการฆ่าคนไข้สูงอายุ 13 รายในโรงพยาบาลที่ทัสคานี
สื่ออิตาลีรายงานว่านางพยาบาลรายนี้ชื่อ “ฟาอุสตา โบนิโน” เธอถูกกล่าวหาว่ามีการบริหารยา “เฮพาริน” ที่ต้านการแข็งตัวของเลือดในปริมาณที่มากพอจะทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต แก่ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาพิเศษและการระงับความรู้สึกในโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ ที่เมืองปิออมบิโน
การเสียชีวิตของคนไข้เหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงปี 2014-2015
จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เหยื่อของนางพยาบาลรายนี้ ซึ่งไม่มีความจำเป็นจะต้องรับเฮพารินในการรักษาเลย ถูกพบว่าได้รับการบริหารยาดังกล่าวในระดับที่มากกว่าปกติถึง 10 เท่า
จากการรายงานของสื่ออิตาลี โบนิโน นางพยาบาลวัย 55 ปี มีพื้นเพเป็นคนเมืองซาโวนา แคว้นลิกูเลีย ประเทศอิตาลี เธอถูกจับกุมเมื่อคืนวันพุธ หลังจากมีการสืบสวนซึ่งตำรวจได้ใช้กล้องลับแอบเฝ้าสังเกตเธอ โดยมีรายงานด้วยว่า พบหลักฐานที่สามารถใช้ปรักปรำเธอได้ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของโบนิโน
ผู้ตกเป็นเหยื่อ 13 ราย มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง อายุระหว่าง 61-88 ปี สาเหตุการตายส่วนใหญ่มาจากการไม่แข็งตัวของเลือดนั้นมากเกินไป ทำให้เกิดสภาวะเลือดไหลภายในร่างกาย มีรายหนึ่งที่เสียชีวิตเพราะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
เบียทริซ ลอเรนซิน รัฐมนตรีสาธารณสุขอิตาลี ระบุว่า ตอนนี้เราได้มีหนึ่งในเหตุการณ์ที่ขึ้นไปอยู่อันดับสูงสุดของเรื่องเขย่าขวัญโดยฝีมือของมนุษย์ เหตุร้ายนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าจำเป็นจะต้องมีการปกป้องแบบพิเศษแก่ผู้สูงอายุและผู้อ่อนแอในสถานพยาบาล ที่ล้วนได้รับมอบหมายให้ทำการดูแลรักษา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในอิตาลี ก่อนหน้านี้เคยมีอดีตพยาบาลในโรงพยาบาลราเวนนาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในเดือนมีนาคม จากการฆาตกรรมคนไข้วัย 78 ในปี 2014 ด้วยการบริหารยาโพแทสเซียมที่ร้ายแรงไปหนึ่งโดส นอกจากนี้ยังมีอีกคดีที่พยาบาลชื่อ “แองเจโล สตาสซี” เจ้าของฉายา “แองเจิล ออฟ เดธ” ถูกตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิตสำหรับการฆาตกรรมคนไข้สูงอายุ 5 รายในสถานพยาบาลใกล้กรุงโรม
