เอเอฟพี - เมืองหลวงเบลเยียมถูกปิดการเข้าออกในวันอังคาร (22 มี.ค.) ตามหลังเหตุระเบิดนองเลือดที่สนามบินและสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในบรัสเซลส์ คร่าชีวิตผู้คนราว 35 ศพ และบาดเจ็บกว่า 200 คน เหตุการณ์ที่กระตุ้นให้นิวยอร์กและวอชิงตันต้องยกระดับป้องกันโจมตีก่อการร้าย ขณะที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา สหรัฐฯ แถลงประณามและบอกว่าอเมริกาจะทำทุกทางภายใต้อำนาจไล่ล่าหาตัวผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบ
เบลเยียมยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายสู่ขั้นสูงสุดและจะจัดไว้ทุกข์ทั่วประเทศ ลดธงชาติตามอาคารราชการต่างๆ ลงครึ่งเสาเป็นเวลา 3 วันจนถึงวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) หลังถูกโจมตีที่เข่นฆ่าชีวิตผู้คนจำนวนมากในตอนเช้าวันอังคาร (22 มี.ค.) ไม่กี่วันหลังเพิ่งจับกุมนายซาลาห์ อับเดลสลาม ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในเหตุวินาศกรรมกรุงปารีสเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน
เครือข่ายระบบขนส่งยุติให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นรถราง รถบัสโดยสาร และรถไฟ ทำให้บรัสเซลส์ตกอยู่ในสภาพนิ่งสนิท ขณะที่เมืองหลวงของสหภาพยุโรปแห่งนี้ถูกปิดล้อมโดยสิ้นเชิงโดยตำรวจ “หากคุณอยู่ในบรัสเซลส์ ขอให้อยู่แต่ที่พำนักและไม่ควรเดินทางหากไม่มีเหตุอันควร” ศูนย์วิกฤตแห่งชาติเบลเยียมระบุผ่านเว็บไซต์
สถานการณ์อันยุ่งเหยิงในเมืองหลวงของยุโรป ย้อนให้นึกถึงช่วงเวลาหลายวันตามหลังเหตุโจมตีกรุงปารีสในเดือนพฤศจิกายน โดยคราวนั้นได้มีการปิดการเข้าออกบรัสเซลส์เป็นเวลา 5 วัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่เตือนว่าภัยคุกคามอาจเกิดขึ้นทุกเมื่อระหว่างที่พวกเขาไล่ล่าตัวนายอับเดลสลาม
มีข้าราชการยุโรปราว 25,000 คนทำงานอยู่ในกรุงบรัสเซลส์ ในนั้นจำนวนมากอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุโจมตีสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งคร่าชีวิตผู้คน 20 ศพ และบาดเจ็บกว่า 100 คน ไปไม่กี่ร้อยเมตร โดยคณะกรรมาธิการยุโรปเผยว่าได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้อยู่แต่ในบ้านหรือภายในอาคารแล้ว
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เบลเยียมก็เรียกร้องเหล่าพนักงานที่เดินทางถึงที่ทำงานแล้วให้อยู่แต่สถานที่ทำงานตลอดทั้งวัน ส่วนจัตุรัสกรองด์ ปลาซ เหลือแต่ความอ้างว้าง หลังจากพิพิธภัณฑ์หลายแห่งและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในย่านศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองถูกปิด
รัฐบาลร้องขอให้ชาวบ้านระงับการใช้โทรศัพท์ และให้ติดต่อสื่อสารผ่านข้อความทางโทรศัพท์มือถือ เพื่อไม่ให้ระบบการสื่อสารต้องแบกภาระหนักเกินไป ที่อาจนำมาซึ่งเหตุขัดข้อง
เจ้าหน้าที่เปลี่ยนใจสั่งมหาวิทยาลัยต่างๆ ในเมืองหลวงยกเลิกการเรียนการสอน และส่งตัวนักศึกษาราว 30,000 คนกลับบ้าน หลังเดิมทีอนุญาตให้ดำเนินการเรียนการสอนตามปกติ อย่างไรก็ตามในส่วนโรงเรียนยังเปิดอยู่ แต่รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเรียกร้องผู้บริหารอย่าอนุญาตให้เด็กเดินทางกลับบ้านเพียงลำพัง
ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ปิดทำการและจะไม่เปิดบริการอย่างน้อยๆ จนถึงวันพุธ (23 มี.ค.) ขณะที่ Colruyt ห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก แม้จะยังเปิดบริการ แต่ก็บอกว่าจะเฝ้าสังเกตการณ์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นอกเหนือจากบรัสเซลส์แล้ว ในนิวยอร์กและวอชิงตันก็ได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยตามหลังเหตุโจมตีเมืองหลวงของฝรั่งเศสในวันอังคาร (22 มี.ค.) โดยมีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ต่อต้านก่อการร้ายและกองกำลังป้องกันมาตุภูมิตามสนามบินและสถานีต่างๆ
กรมตำรวจนิวยอร์ก (NYPD) บอกว่าไม่พบสิ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างการโจมตีในเบลเยียมกับนิวยอร์ก ให้สั่งให้ใช้มาตรการต่างๆ ขณะที่เมืองใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แห่งนี้ซึ่งมีประชากรกว่า 8.4 ล้านคน เริ่มต้นสัญจรในตอนเช้า “เจ้าหน้าที่ถูกส่งเข้าประจำตามพื้นที่ฝูงชนและที่ตั้งต่างๆ ด้านการขนส่งทั่วเมือง เพื่อสร้างความอุ่นใจแก่สาธารณชน” NYPD ระบุในถ้อยแถลง
แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐได้สั่งยกระดับรักษาความปลอดภัย ณ ท่าอากาศยานสำคัญของนิวยอร์ก ทั้งจอห์น เอฟ. เคนเนดี กับลาการ์เดีย เช่นเดียวกับตามสะพาน อุโมงค์ และระบบขนส่งทางราง โดยได้ใช้กำลังพลจากกองกำลังป้องกันมาตุภูมิราว 400 นาย
ตำรวจของรัฐยังได้รับมอบหมายให้เข้าประจำการที่สถานีรถไฟเพนน์และแกรนด์ เซ็นทรัลของนิวยอร์ก อาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ สถานีรถบัสของเมืองและสะพานจอร์จ วอชิงตัน ที่เชื่อมระหว่างแมนฮัตตันกับนิวเจอร์ซีย์
ในกรุงวอชิงตัน ตำรวจรถไฟเผยว่าได้เสริมกำลังสุนัขดมกลิ่น K9 ออกลาดตระเวนในมาตรการป้องกันไว้ก่อน แต่ย้ำว่ายังไม่มีภัยคุกคามที่เจาะจงหรือน่าเชื่อถือต่อเมืองหลวงแห่งนี้ แม้พบเห็นตำรวจติดอาวุธออกปฏิบัติการที่สนามบินดัลเลสเช่นกัน
ด้านประธานาธิบดี บารัค โอบามา ออกมาประณามการโจมตีในกรุงบรัสเซลส์ โดยระบุว่าอเมริกาจะทำทุกทางภายใต้อำนาจไล่ล่าหาตัวผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบ “เราต้องร่วมมือกันโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ สัญชาติ หรือสิ่งที่ศรัทธา ในการต่อสู้กับหายนะของก่อการร้าย เราสามารถและเราจะเอาชนะพวกที่เป็นภัยคุกคามความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนทั่วทุกมุมโลก” เขากล่าวระหว่างเยือนกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา
