เอเจนซีส์ - แอร์โฮสเตสรายหนึ่งที่มีบัตรพนักงานสายการบินต้นทุนต่ำเจ็ตบลูของอเมริกา ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสหรัฐฯ TSA สุ่มเรียกตรวจที่ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแองเจลิส ในคืนวันศุกร์ (18 มี.ค.) ที่ผ่านมา แต่กลับเป็นว่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินรายนี้กลับวิ่งหนีไป ทิ้งไว้แต่รองเท้ายี่ห้อสุดหรูกุชชี และโคเคนหนัก 60 ปอนด์ ที่ถูกซ่อนไว้ในกระเป๋าเดินทางถือขึ้นเครื่อง
NBC NEWS รายงานเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) ว่า ในขณะนี้เจ้าหน้าที่สอบสวนสหรัฐฯกำลังค้นหาตัวแอร์โฮสเตสสาวลึกลับรายหนึ่งที่วิ่งหนีหายไปอย่างลึกลับจากท่าอากาศยานนานาชาติลอสแองเจลิสในคืนวันศุกร์ (18 มี.ค.) ที่ผ่านมา
ซึ่งหญิงลึกลับผู้นี้มียาเสพติดโคเคนจำนวนมากซ่อนไว้ในกระเป๋าเดินทางติดตัวขึ้นบนเครื่อง
โดยแหล่งข่าวตำรวจสหรัฐฯเปิดเผยกับ NBC NEWS ว่า ลูกเรือสายการบิน เป็นต้นว่า นักบิน และพนักงานต้อนรับบนเครื่องมักได้รับการยกเว้นไม่ต้องได้รับการตรวจค้น แต่ทว่าในคืนวันศุกร์ (18 มี.ค.) ที่ผ่านมา ทางสนามบินแอลเอได้ทำการสุมตรวจลูกเรือ ซึ่งพบว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางขนส่งสหรัฐฯ TSA ได้เรียกให้แอร์โฮสเตสรายหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบพนักงานสายการบิน ทำการตรวจค้นในขณะที่เธอกำลังรอเรียกที่จะขึ้นเครื่องที่เทอร์มินอล 4
และพบว่า แทนที่สาวแอร์โฮสเตสรายนี้จะยอมให้ตรวจค้นโดยปกติ แต่เธอกลับแสดงความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด และได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับสื่อสารกับปลายทางในภาษาที่ทางเจ้าหน้าที่ TSA ไม่สามารถเข้าใจได้
และแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อว่า หญิงผู้นี้ได้ถูกนำตัวไปตรวจค้นในจุดที่ 2 และได้ร้องขอให้แสดงบัตรประจำตัวพนักงานสายการบิน ซึ่งเธอได้แสดงบัตรพนักงานสายการบินต้นทุนต่ำ “เจ็ตบลู” ของสหรัฐฯ และเมื่อขอตรวจค้นสัมภาระ แต่กลับเป็นว่าแอร์โฮสเตสลึกลับผู้นี้คว้ากระเป๋าเดินทางไปพร้อมเธอวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปยังบริเวณบันไดเลื่อน และไม่นานหลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯพบว่า ทั้งรองเท้ายี่ห้อดัง กุชชี และกระเป๋าเดินทางได้ถูกทิ้งไว้ที่จุดนั้น ในขณะที่สาวแอร์โฮสเตสวิ่งลงบันไดเลื่อน หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยออกจากเทอร์มินอลแห่งนั้นไป
สื่อสหรัฐฯรายงานว่า เหตุที่เกิดขึ้นถูกบันทึกไว้ได้ด้วยกล้องวงจรปิด และโคเคนจำนวน 60 ปอนด์ ที่ถูกค้นพบในกระเป๋าเดินทางถูกบันทึกเป็นของกลาง ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสนามบินแอลเอ LAPD และเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ DEA กำลังอยู่ในระหว่างการติดตาม