เอเจนซีส์ – อเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ประณามกลุ่มมือมืดแอบให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจำนวนหลายร้อยคนข้ามแม่น้ำพรมแดนระหว่างมิซิโดเนียและกรีซ โดยการแจกคู่มือแนะเส้นทาง และทำให้มีเหตุผู้ลี้ภัยจมน้ำเสียชีวิต 3 คน
เดลีเทเลกราฟ สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(15 มี.ค)ว่า นายกรัฐมนตรีกรีซ อเล็กซิส ซีปราส ออกมาให้ความเห็นด้วยความเกรี้ยวกราดเมื่อพบว่า เบื้องหลังการเดินทางเข้ายุโรปอย่างผิดกฎหมายของกลุ่มผู้อพยพหลายร้อยคนข้ามแม่น้ำระหว่างพรมแดนมาซิโดเนียและกรีซ จนทำให้มีคนจมน้ำเสียชีวิต 3 คนได้รับการช่วยเหลือ และแนะนำเส้นทางหลบหนีจากกลุ่มบุคคลที่จัดทำคู่มือใบปลิวเหล่านี้
โดยซีปราสชี้ว่าคนเหล่านี้ทำให้ผู้ลี้ภัยต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง
สื่ออังกฤษรายงานว่า ในวันจันทร์(14 มี.ค)ที่ผ่านมา มีผู้ลี้ภัยซีเรียและอิรักจำนวน 1,500 คนเดินทางข้ามแม่น้ำเข้าไปยังมาซิโดเนีย เพื่อหวังเดินทางต่อเข้าไปยังยุโรปตะวันตก แต่ทว่า มีผู้อพยพจำนวนหลายร้อยคนที่หนีไม่ทัน ถูกกวาดต้อนโดยกำลังทหารมาซิโดเนีย นำตัวขึ้นรถบรรทุกกลับไปยังพรมแดนกรีซ ซึ่งมีรายงานว่า มีผู้อพยพบางส่วนโดนทุบตีด้วยกระบอง และถูกทำร้ายด้วยที่ช็อตไฟฟ้า
ในขณะที่อีกบางส่วนติดอยู่บริเวณเทือกเขาซึ่งมีอุณหภูมิต่ำในช่วงกลางคืน และได้ตัดสินใจมุ่งหน้ากลับไปยังพรมแดนกรีซ
เดลีเทเลกราฟรายงานว่า มีกลุ่มความเคลื่อนไหวทแอบให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเข้ายุโรปผิดกฎหมาย ซึ่งพบว่ามีบางส่วนเป็นชาวอังกฤษ แต่โดยมากดูเหมือนมาจากยุโรปเหนือ ได้แอบส่งคู่มือใบปลิวแนะนำการเดินทางเข้าสู่ยุโรปอย่างผิดกฎหมายให้กับผู้อพยพ ซึ่งผู้สื่อข่าวเดลีเทเลกราฟได้เห็นเอกสารชิ้นนี้
ทั้งนี้พบว่าในคู่มือที่พิมพ์เป็นภาษาอารบิก แนะวิธีเดินทางไปยังแม่น้ำ ซึ่งอยู่ห่างไปไม่กี่ไมล์จากค่ายผู้ลี้ภัยใกล้กับจุดข้ามแดนไอโดเมนี ( Idomeni) ของกรีซ ซึ่งเป็นสถานที่มีผู้ลี้ภัยร่วม 14,000 คนปักหลักอาศัยอยู่ในเต็นท์
และในคู่มือยังมีแผนที่ประกอบ พร้อมกับชี้นำให้ผู้ลี้ภัยรับทราบว่า ในขณะนี้แม่น้ำสายนี้ “แห้งขอดสนิท” สามารถข้ามได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งสื่ออังกฤษชี้ว่า แต่ในความเป็นจริงที่มีฝนตกทั่วบริเวณหลายวันติดต่อกัน ลำน้ำแห่งนี้ที่ผู้ลี้ภัยพยายามข้าม กลับมีระดับน้ำสูงท่วมเอว และไหลเชี่ยว
เดลีเทเลกราฟรายงานว่า สามารถจับภาพกลุ่มคนต่างชาติใช้เชือกกั้นระหว่างสองฝั่งเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อพยพถูกน้ำพัดไป และทำหน้าที่คอยรับผู้อพยพที่สามารถข้ามแม่น้ำที่เชี่ยวกรากมาได้สำเร็จ
แต่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น มีกลุ่มผู้อพยพจำนวนหนึ่งพยายามข้ามแม่น้ำสายนี้ด้วยเช่นกัน และพบว่า 3 คนในกลุ่มนี้จมน้ำเสียชีวิตเป็นชาวอัฟกันทั้งหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหญิงกำลังตั้งครรภ์ และน้องสาวของหญิงผู้นี้ได้จมน้ำเสียชีวิตด้วยเช่นกัน
และในคู่มือยังระบุเพิ่มเติมว่า จุดข้ามแดนไอโดเมนีของกรีซปิดแล้ว และจะปิดถาวร นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำอีกว่า “ไม่มีรถบัสหรือรถไฟที่จะนำผู้อพยพไปถึงเยอรมัน แต่หากผู้อพยพสามารถเดินทางเข้ายุโรปผ่านทางประเทศยุโรปตะวันออกไปได้ ผู้อพยพเหล่านี้มีโอกาสที่จะขอลี้ภัยสำเร็จ เพราะเยอรมันยังคงต้อนรับผู้อพยพหน้าใหม่อยู่”
และนอกจากนี้คูมือการเดินทางเข้ายุโรปยังเตือนว่า ค่ายผู้ลี้ภัยบริเวณไอโดเมนีจะถูกปิดลงในไม่ช้า และคนเหล่านั้นที่ยังคงติดอยู่ที่จุดผ่านแดนแห่งนี้จะถูกส่งตัวกลับไปยังตุรกีภายใต้ข้อตกลงระหว่างตุรกีและสหภาพยุโรปในเร็ววันนี้
ดังนั้นในคู่มือจีงสรุปว่า “เหลือเพียงทางเลือกเดียวที่ดีที่สุดในเวลานี้คือ การข้ามแม่น้ำเข้าไปยังมาซิโดเนีย” และกล่าวต่อว่า “รั้วกั้นพรมแดนมีความยาวราว 5 ก.มจะยาวสิ้นสุดลงที่นั้น และจากจุดนั้นสามารถลุยข้ามฝั่งเข้ามาในมาซิโดเนียได้สำเร็จ
นอกจากนี้คู่มือยังบอกวิธีจัดการกับหน่วยงานตำรวจและทหารมาซิโดเนียด้วยว่า หากผู้อพยพเดินทางข้ามแม่น้ำกั้นพรมแดนพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ตำรวจและทหารมาซิโดเนียย่อมไม่สามารถขวางการเดินทางเข้าสู่ยุโรปได้ ซึ่งในคู่มือได้ระบุให้บรรดาผู้อพยพที่ประสงค์จะเดินทางข้ามแม่น้ำ รวมตัวพร้อมกันที่บริเวณค่ายผู้อพยพไอโดเมนีในช่วงเที่ยงวันจันทร์(14 มี.ค)
และสื่ออังกฤษยังชี้ว่า ในคู่มือนี้ยังได้ให้คำแนะนำกับผู้ลี้ภัยให้เผาทำลายทิ้งเสียเมื่อผู้อพยพเหล่านี้สามารถจำข้อมูลที่อยู่ในคู่มือแล้ว เพราะแผนการนี้ไม่สามารถให้นักข่าวหรือตำรวจล่วงรู้ได้
ทั้งนี้ตำรวจกรีซกำลังอยู่ในระหว่างการสืบสวนว่ามีกลุ่มใดเป็นผู้จัดทำและเผยแพร่คู่มือเดินทางเข้ายุโรปผิดกฎหมาย และทำการแจกจ่ายไปยังผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลาง หลังจาได้ยืดของกลางมาได้เป็นจำนวนมาก โดยสื่อกรีซ เอคาติเมรินี รายงานว่า คาดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการจัดทำน่าจะเป็น กลุ่มลักลอบค้ามนุษย์ หรือกลุ่มสิทธิมนุษยชน
ด้านนายกรัฐมนตรีกรีซ ซีปราสได้เรียกลุ่มที่ให้การช่วยเหลือผู้อพยพว่า “เป็นอาชญากร” และทำให้ผู้อพยพเหล่านี้ต้องเสี่ยงกับชีวิตในการข้ามแดนเข้ายุโรป
นอกจากนี้ซีปราสยังขอให้บรรดาผู้ลี้ภัยที่ยังปักหลักบริเวณจุดข้ามแดนไอโดเมนีให้ย้ายออกไปยังศูนย์ผู้อพยพที่ทางรัฐบาลกรีซจัดเตรียมไว้ทางใต้ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการเผยแพร่ข่าวคู่มือเข้ายุโรปผิดกฎหมายออกมา ทำให้กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ รวมไปถึง UNHCR ออกแถลงการณ์ประณาม ที่ในใบปลิวนี้ได้ให้ความหวังกับผู้อพยพ แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นสิ่งตรงกันข้าม ที่อาจทำให้ผู้อพยพที่ทำตามเหล่านั้นอาจเสียชีวิตได้