เอเจนซีส์ – ผู้อพยพหลายร้อยคนพยายามฝ่าแนวกั้นในกรีซข้ามไปยังมาซิโดเนีย ขณะที่มีผู้อพยพตกค้างอยู่แล้วกว่า 7,000 คนเมื่อวันจันทร์ (29 ก.พ.) ด้าน “แมร์เคิล” ตำหนิออสเตรียและประเทศในบอลข่านที่จำกัดโควตาผู้อพยพและผู้ผ่านแดนที่ทะลักมาจากตะวันออกกลาง ปล่อยให้กรีซรับภาระหนักจนใกล้โกลาหล ขณะเดียวกัน ที่ฝรั่งเศสเกิดเหตุผู้อพยพประท้วง หลังทางการพยายามรื้อถอนศูนย์พักพิงบางส่วนเพื่อย้ายผู้อพยพไปอยู่อีกด้านของแคมป์ที่จัดไว้ให้
ที่บริเวณนอกหมู่บ้านอิโดเมนี ของกรีซซึ่งตั้งอยู่ติดชายแดนประเทศมาซิโดเนีย ตำรวจมาซิโดเนียยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้อพยพประมาณ 300 คนที่พยายามฝ่าแนวล้อมของตำรวจกรีซเข้าสู่ทางรถไฟที่อยู่ระหว่างสองประเทศ
หน่วยแพทย์ไร้พรมแดนระบุว่า มีผู้อพยพอย่างน้อย 30 คน หลายคนในจำนวนนี้เป็นเด็ก ต้องรับการปฐมพยาบาลจากเหตุชุลมุน ขณะที่ทางการมาซิโดเนียเผยว่า ตำรวจหนึ่งนายได้รับบาดเจ็บและต้องนำส่งโรงพยาบาล
เหตุประท้วงนี้เกิดขึ้นหลังจากมาซิโดเนียอนุญาตให้ชาวซีเรียและอิรักเพียง 300 คนข้ามแดนเข้าประเทศ
ทั้งนี้ การที่ออสเตรียและประเทศในแถบบอลข่านจำกัดจำนวนผู้อพยพที่อนุญาตให้เดินทางผ่านได้ ส่งผลให้มีผู้อพยพตกค้างสะสมเพิ่มขึ้นตามแนวชายแดนกรีซ-มาซิโดเนีย โดยเอเธนส์คาดว่า ตัวเลขอาจสูงถึง 70,000 คนในเดือนนี้
ทางด้าน เซอิด ราอัด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) วิจารณ์ว่า กระแสเกลียดกลัวและสกัดกั้นผู้อพยพที่พุ่งพล่านอยู่เวลานี้ ถือเป็นความโหดร้ายและหลงผิด
ขณะที่องค์การนิรโทษกรรมสากลวิจารณ์สถานการณ์ที่อิโดมินีว่า เป็นผลจากการปิดพรมแดนแบบเลือกปฏิบัติอันน่าอับอาย
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ให้สัมภาษณ์สื่อทีวี ประณามการจำกัดโควตาผู้อพยพ โดยชี้นิ้วไปที่ออสเตรีย ที่ริเริ่มมาตรการควบคุมเมื่อวันที่ 19 เดือนที่ผ่านมาและส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์โดมิโนในแถบบอลข่านทั้งหมด
แมร์เคลย้ำว่า ต้องไม่ปล่อยให้กรีซเข้าสู่ความโกลาหลวุ่นวาย
กระแสการปิดพรมแดนเริ่มต้นมาจากการที่ออสเตรียประกาศรับผู้ขอลี้ภัยวันละไม่เกิน 80 คน และอนุญาตให้ผู้อพยพเดินทางผ่านสูงสุด 3,200 คนต่อวัน
จากนั้น 4 ชาติแหลมบอลข่าน ได้แก่ สโลวีเนียและโครเอเชีย ซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ตลอดจนถึงเซอร์เบียและมาซิโดเนีย ตอบสนองมาตรการดังกล่าวทันควันด้วยการจำกัดจำนวนผู้อพยพที่เดินทางผ่านประเทศวันละไม่เกิน 580 คน
ผู้นำเมืองเบียร์ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ (28 ก.พ.) ว่า การจำกัดจำนวนผู้ขอลี้ภัยที่ 80 คนต่อวันของออสเตรีย ทำให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้
ด้านประธานาธิบดีจอร์จี้ อิวานอฟของมาซิโดเนีย เปิดเผยกับเว็บไซต์ข่าวของเยอรมนี สปีเกล ออนไลน์ว่า เมื่อถึงโควตาที่ออสเตรียประกาศสำหรับการเดินทางเข้าประเทศ 37,500 คนในปีนี้ จะต้องปิดเส้นทางผ่านในบอลข่านทั้งหมด และเมื่อถูกถามว่า สถานการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด ผู้นำมาซิโดเนียตอบว่า อาจเกิดขึ้นแล้ว
ทว่า รัฐมนตรีมหาดไทยออสเตรียเผยว่า นับจากต้นปีจนถึงขณะนี้ เพิ่งมีผู้อพยพเดินทางผ่านประเทศราว 12,000 คน
ด้านคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า ภายในสัปดาห์นี้จะเสนอให้นำกองทุนที่ปกติแล้วใช้เพื่อบรรเทาทุกข์นอกอียู มาช่วยเหลือชาติสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตผู้อพยพ
ในส่วนของ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เตือนภายหลังหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีที่เดินทางเยือนวอชิงตันว่า คลื่นผู้อพยพจากตะวันออกกลางกำลังเป็นความท้าทายของทั่วโลก
ทั้งนี้ ผู้อพยพยังคงเดินเท้ามุ่งหน้าพรมแดนทางทิศเหนือของกรีซที่ติดกับมาซิโดเนีย ซึ่งเป็นที่ตั้งแคมป์ ณ หมู่บ้านอิโดมินีที่มีความสามารถในการรองรับผู้อพยพ 1,500 คน แต่ขณะนี้มีคนแออัดอยู่มากกว่า 7,000 คน
โยฮันนา มิคึล-ไลท์เนอร์ รัฐมนตรีมหาดไทยออสเตรีย ตอบโต้เสียงวิจารณ์มาตรการควบคุมของเวียนนาว่า “ไร้สาระ” เนื่องจากสำหรับบางประเทศ ทางออกสำหรับวิกฤตนี้คือปล่อยผู้อพยพทั้งหมดหลั่งไหลเข้าสู่ออสเตรีย
ที่เอเธนส์ คณะรัฐมนตรีกรีซประชุมฉุกเฉินหาวิธีรับมือวิกฤตผู้อพยพ ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกในเมืองหลวงใกล้ถึงจุดล่มสลายและผู้อพยพหลายร้อยคนยังคงหลั่งไหลเข้าสู่ท่าเรือพิเรอุส
ในอีกด้านหนึ่ง ที่ประเทศฝรั่งเศส ทีมรื้อถอนของรัฐบาล เตรียมกลับเข้าไปรื้อทำลายศูนย์พักพิงชั่วคราวในเมืองกาเลส์ที่เรียกว่า ”จังเกิล” ในวันอังคาร (1) ทั้งนี้ เพื่อเคลื่อนย้ายผู้อพยพไปพำนักอาศัยยังคอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้า ทางด้านเหนือของแคมป์ ซึ่งทางการจัดเตรียมเอาไว้ให้
เมื่อคืนวันจันทร์ ตำรวจปราบจลาจลของฝรั่งเศส ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ลี้ภัยที่ขว้างปาก้อนหินเล่นงานทีมรื้อถอน ทั้งนี้ผู้คนเหล่านี้กลัวว่า การเข้าไปพักในสถานที่ซึ่งทางการจัดให้ จะทำให้พวกเขาต้องขึ้นทะเบียน และในทึ่สุดแล้วจะถูกบังคับให้ยื่นเรื่องขอลี้ภัยในฝรั่งเศส ขณะที่ผู้อพยพเหล่านี้ต้องการเดินทางต่อไปยังอังกฤษเพื่อขอลี้ภัยที่นั่น ถึงแม้การเดินทางจะต้องทำกันแบบลักลอบ และพึ่งพาอาศัยพวกแก๊งค้ามนุษย์
นอกจากพวกที่ขว้างก้อนหินใส่ตำรวจปราบจลาจลแล้ว ยังมีผู้อพยพราว 150 คน ถือกิ่งไม้และท่อนเหล็ก และกรูกันขึ้นไปปิดถนนในบริเวณนั้น
ผู้ที่อาศัยอยู่ในแคมป์แห่งนี้ส่วนใหญ่เดินทางมาจากตะวันออกกลาง อัฟกานิสถาน และแอฟริกา
ทางการฝรั่งเศสเชื่อว่า แผนการรื้อถอนจะส่งผลต่อผู้อพยพราว 1,000 คน ทว่า หน่วยงานบรรเทาทุกข์ระบุว่า ตัวเลขผู้ที่อาศัยอยู่ในแคมป์น่าจะสูงกว่านั้นมาก