เอเอฟพี / เอเจนซีส์ / MGR online - การแพร่ระบาดของโรคไข้เหลืองในประเทศอังโกลา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 250 รายนับตั้งแต่สิ้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่การแพร่ระบาดในอดีตดินแดนอาณานิคมของโปรตุเกสแห่งนี้จะลุกลามต่อเนื่อง ท่ามกลางอุปสรรคสำคัญที่ทางการอังโกลาต้องเผชิญทั้งการขาดแคลนงบประมาณ ทรัพยากร และบุคลากรทางการแพทย์
รายงานข่าวในวันอังคาร (15 มี.ค.) ซึ่งอ้างมาเตอุส กัมโปส ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเด็กในกรุงลูอันดาระบุว่า เฉพาะวันจันทร์ (14) ที่ผ่านมาเพียงวันเดียว มีเด็กเสียชีวิตเพราะไข้เหลืองมากถึง 27 ราย และในแต่ละวัน มีผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อไข้เหลืองเดินทางมารับการตรวจรักษากว่า 900 ราย ซึ่งเกินกว่าที่ทรัพยากรบุคคลของทางโรงพยาบาลจะรับมือไหว
ด้าน อเดไลเด เด คาร์วัลโญ โฆษกหญิงของกระทรวงสาธารณสุขอังโกลา ออกมายอมรับผ่านสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ทางกระทรวงฯ ได้ขึ้นทะเบียนผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อไข้เหลืองไปแล้ว 76 รายเฉพาะในเดือนมีนาคมนี้ และมีผู้เสียชีวิตต่อเนื่องกันถึง 10 รายภายในช่วงเวลาเพียง 3 วันเมื่อช่วงต้นเดือน แต่มิได้เปิดเผยยอดรวมทั้งหมดของผู้เสียชีวิต
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางองค์การอนามัยโลก (World Health Organisation : WHO) ระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตจากไข้เหลืองในอังโกลาล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 250 ราย แต่แพทย์บางรายเชื่อว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้เหลืองในประเทศนี้ รวมถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงอาจย่ำแย่เลวร้ายกว่านี้
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหนทางรักษาไข้เหลืองที่มียุงเป็นพาหะแบบเฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด และเชื้อไวรัสมรณะชนิดนี้ก็เคยพบการแพร่ระบาดในพื้นที่เขตร้อนของโลกทั้งในทวีปแอฟริกา และแถบป่าแอมะซอนของทวีปอเมริกาใต้
รายงานข่าวระบุว่า พื้นที่กรุงลูอันดาที่เป็นเมืองหลวงของอังโกลา คือพื้นที่ซึ่งพบการแพร่ระบาดของไข้เหลืองในระดับที่หนักหน่วงที่สุด โดยที่สัดส่วนของผู้เสียชีวิตจากไข้เหลืองในอังโกลานั้น ปรากฏว่าในทุก 10 รายจะเป็นผู้เสียชีวิตที่อาศัยในกรุงลูอันดาถึง 9 ราย
ทั้งนี้ ในแต่ละปีทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ประเมินว่าจะมีผู้ติดเชื้อไข้เหลืองราว 130,000 ราย และทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 44,000 รายต่อปี โดยที่ราวร้อยละ 90 ของผู้ตกเป็นเหยื่อของไวรัสไข้เหลืองอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา