รอยเตอร์ - ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยซาอุดีอาระเบียเมื่อวันอังคาร (15 มี.ค.) กลับกลายเป็นการถล่มตลาดกลางแจ้ง สังหารพลเรือน 41 ศพ และบาดเจ็บ 75 คนในจังหวัดฮาจา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเยเมน ดินแดนซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของนักรบฮูตีที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน
เบื้องต้นพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียที่เข้าแทรกแซงสงครามกลางเมืองของเยเมน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อคำกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของจังหวัดฮาจา แต่ต่อมาออกมาเผยว่ากำลังตรวจสอบรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุโจมตีครั้งนี้
นายพลจัตวา อาห์เมด อัล-อัสเซรี โฆษกของพันธมิตรระบุว่า “เรากำลังสืบสวนเพื่อให้แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ มันยังเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้จนกว่าเราจะได้ภาพที่ชัดเจนแล้ว แต่เรารู้สึกเสียใจต่อเหตุสูญเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บใดๆ หากว่ามันเกิดขึ้นจริง” ทั้งนี้เขายอมรับว่ากองกำลังที่ภักดีต่อประธานาธิบดีอับดุล รับบู มันซูร์ ฮาดี ภายใต้การสนับสนุนของพันธมิตร กำลังปฏิบัติการอยู่ในบางพื้นที่ของจังหวัดฮาจา
พันธมิตรเข้าสู่ความขัดแย้งเมื่อ 1 ปีก่อน เพื่อหยุดยั้งกบฏฮูตีและกองกำลังที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ จากการรุกคืบยึดครองดินแดนทั้งหมดของประเทศ และต่อสู้เพื่อคืนอำนาจแก่รัฐบาลของประธานาธิบดีฮาดี
อัยมาน มัตคัวร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขของจังหวัดฮาจา บอกกับรอยเตอร์ว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ 3 เที่ยวในวันอังคาร (15 มี.ค.) โดนตลาดกลางแจ้งในเขตมุสตาบา พร้อมระบุว่าพวกญาติๆ รวบรวมศพและนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลต่างๆ
ในส่วนตัวเลขของผู้เสียชีวิตนั้นยังคงไม่แน่ชัด ด้วยซาบาเน็ต สำนักข่าวเยเมนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏระบุว่ามีผู้เสียชีวิตมากถึง 65 คนและบาดเจ็บ 55 คในเหตุโจมตีตลาดและร้านอาหารในมุสตาบา
ก่อนหน้านี้องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) มีประชาชนมากกว่า 40 คน ทั้งหมดเป็นพลเรือนและในนั้นรวมถึงเด็กอายุ 8 ขวบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากถูกโจมตี
จากข้อมูลของสหประชาชาติพบว่ามีผู้เสียชีวิตในความขัดแย้งเยเมนมากกว่า 6,000 ราย ครึ่งหนึ่งเป็นพลเรือน นับตั้งแต่พันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียเริ่มเข้าแทรกแซงในเดือนมีนาคม 2015
ในเดือนมกราคม คณะลูกขุนสหประชาชาติพบว่าการโจมตีมีเป้าหมายที่พลเมือง และประเมินว่าการโจมตีในบางครั้งอาจเข้าข่ายก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และแนะนำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติพิจารณาจัดตั้งคณะสืบสวน
พันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่ได้มีเป้าหมายที่พลเรือน และในเดือนมกราคม พวกเขาได้นำขั้นตอนที่เข้มข้นกว่าเดิมมาใช้ในการสืบสวนรายงานเกี่ยวกับการโจมตีที่ก่อความสูญเสียแก่ชีวิตพลเรือน และเพื่อปรับปรุงกลไกกำหนดเป้าหมายของพวกเขาภายใต้ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ