เอเอฟพี - คณะผู้สืบสวนของสหประชาชาติในวันอังคาร (15 มี.ค.) แสดงความยินดีที่ต่อความรุนแรงที่ลดลงอย่างมากในซีเรีย ในวาระครบรอบ 5 ปีแห่งการเริ่มต้นความขัดแย้ง ระบุท้ายที่สุดก็มองเห็นความหวังที่สงครามกลางเมืองอันยืดเยื้อนี้จะยุติลง
“เวลานี้นับเป็นครั้งแรกที่ความหวังจะได้เห็นสงครามสิ้นสุดลงอยู่ในสายตา” เปาโล ปินเฮโร หัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนของสหประชาชาติต่อวิกฤตซีเรีย บอกกับผู้สื่อข่าวในเจนีวา
ก่อนหน้านี้ ในคำกล่าวต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ นายปินเฮโรยกย่องข้อตกลงหยุดยิงที่ได้รับการยึดถือเป็นส่วนใหญ่มาตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ โดยระบุว่าท้ายที่สุดแล้วมันได้เปิดทางให้ผู้คนในประเทศแห่งนี้ได้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ
“ท้ายที่สุดก็สามารถแลเห็นสันติภาพในซีเรีย” นายปินเฮโรกล่าว พร้อมระบุว่าข้อตกลงหยุดยิงได้ก่อสภาพแวดล้อมต่างๆที่จำเป็นสำหรับเดินหน้าการเจรจาสันติภาพรอบใหม่ที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในเจนีวาเมื่อวันจันทร์ (14 มี.ค.)
ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวระหว่างกองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียกับฝ่ายต่อต้าน ไม่ครอบคลุมถึงกลุ่มนักรบญิฮัดอย่างพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) และอัล-นุสรา ฟรอนต์ “เราเรียกร้องฝ่ายต่างๆ ในข้อตกลงยุติความเป็นปรปักษ์ หยุดปฏิบัติการทางทหารที่เหลือทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นขนาดเล็กน้อยก็ตาม”
ความเห็นของเขามีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียในวันจันทร์ (14 มี.ค.) ออกคำสั่งให้ถอนกองกำลังส่วนใหญ่ของเขาออกจากซีเรีย ความเคลื่อนไหวที่ได้รับการยกย่องว่ามีความสำคัญยิ่งต่อการเจรจาสันติภาพที่มียูเอ็นเป็นคนกลาง
นายปินเฮโร ยอมรับยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการถอนทหารของซีเรียจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “เราจำเป็นต้องรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า” อย่างไรก็ตาม เขายกย่องคำแถลงของนายปูติน โดยระบุว่ามันเป็นความมุ่งมั่นที่ชัดเจนยิ่งในการสนับสนุนการเจรจาสันติภาพ
ในวันอังคาร (15 มี.ค.) เป็นวาระครบรอบ 5 ปีแห่งจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 270,000 ศพ และทำให้ประชาชนหลายล้านคนต้องหลบหนีออกจากที่พักอาศัย
นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามกลางเมือง คณะกรรมการสืบสวนของสหประชาชาติที่ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน ได้เปิดโปงรายละเอียดเหตุกระทำผิดอันน่าสยดสยองจากทุกฝ่ายในซีเรีย ในนั้นรวมถึงข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามอย่างกว้างขวางและก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
แม้มีพัฒนาการทางบวกในทางภาคพื้น แต่นายปินเฮโร เตือนว่าเหตุล่วงละเมิดร้ายแรงต่างๆยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง “มีหลายพันชีวิตถูกกักขังและทรมาน จำนวนมากกำลังจะตายที่ในคุมขัง และมีผู้คนอีกนับไม่ถ้วนที่ยังสูญหาย” เขากล่าว พร้อมระบุว่าขณะเดียวกันนักรบไอเอสก็ยังคงใช้ระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีพลเรือนอย่างไม่ลดละ
“ที่น่าขยะแขยงอย่างยิ่งก็คือ ไอเอสยังคงบังคับสตรีและเด็กหญิงยาซิดีเป็นทาสทางเพศ ที่กว่า 3,000 คน ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของกลุ่มก่อการร้าย” เขากล่าว
เหล่าคณะสืบสวนเรียกร้องซ้ำๆ ว่าให้นำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมผ่านขั้นตอนภายในหรือนานาชาติที่น่าเชื่อถือ ในเรื่องนี้นายปินเฮโรย้ำอีกครั้งในวันอังคาร (15 มี.ค.) ว่าความพยายามนำตัวผู้กระทำผิดมาชดใช้ความผิดไม่ควรรอจนกว่าจะบรรลุข้อตกลงสันติภาพ แต่ควรเริ่มต้นในทันที
