เอเอฟพี - รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ดำเนินการยึดเรือสินค้าของเกาหลีเหนือซึ่งจอดเทียบท่าอยู่ที่อ่าวซูบิกวันนี้ (5 มี.ค.) โดยเป็นไปตามมติคว่ำบาตรชุดใหม่ขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งมุ่งปิดกั้นเส้นทางการเงินที่เปียงยางจะนำไปใช้อุดหนุนโครงการขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์
มาโนโล เกวซอน โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีวิทยุ Radyo ng Bayan ว่า เรือบรรทุกสินค้า “จิน เต็ง” สัญชาติเกาหลีเหนือ ระวางขับน้ำ 6,830 ตัน ซึ่งเข้ามาจอดที่อ่าวซูบิกเมื่อ 3 วันก่อน จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกเดินทางต่อไป ส่วนลูกเรือทั้งหมดก็จะถูกเนรเทศกลับไปยังเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ข้อตกลงคว่ำบาตรชุดใหม่ถูกบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม หลังจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้โหวตรับรองเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (2)
“ทั่วโลกต่างเป็นกังวลเรื่องโครงการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ และในฐานะที่เราเป็นสมาชิกยูเอ็น รัฐบาลฟิลิปปินส์จำเป็นต้องทำหน้าที่ของเราในการบังคับใช้มติคว่ำบาตร” เกวซอน ระบุ
ชาร์ลส โฮเซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ เผยว่า หลังจากนี้ยูเอ็นอาจส่งคณะผู้ตรวจสอบมาตรวจดูสินค้าภายในเรือ จิน เต็ง ซึ่งจอดอยู่ที่อ่าวซูบิกทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงมะนิลา ไม่ไกลจากฐานทัพเรือเก่าของสหรัฐฯ
เรือ จิน เต็ง ถูกตรวจสอบเป็นครั้งที่ 2 ในวันนี้ (5) โดยเจ้าหน้าที่ได้นำอุปกรณ์เซ็นเซอร์ตรวจจับอาวุธมาช่วย ขณะที่ลูกเรือโสมแดงทั้ง 21 คนก็ “ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี” อาร์มันด์ บาลิโล โฆษกผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายฝั่งฟิลิปปินส์ ให้สัมภาษณ์
เกาหลีเหนือไม่มีสถานทูตตั้งอยู่ในฟิลิปปินส์ ขณะที่สถานทูตโสมแดงทั้งที่กรุงเทพมหานครและกรุงจาการ์ตาก็ยังไม่ตอบรับคำขอสัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าวเอเอฟพี
กองกำลังป้องกันชายฝั่งฟิลิปปินส์ยืนยันว่า ไม่มีเรือลำอื่นของเกาหลีเหนือจอดอยู่ที่อ่าวซูบิกอีก
เรือจินเต็งซึ่งขนเนื้อในของเมล็ดปาล์ม (palm kernels) เดินทางจากเมืองปาเลมบังของอินโดนีเซียมาถึงอ่าวซูบิก เมื่อบ่ายวันพฤหัสบดี (3) หรือหลังจากที่ยูเอ็นโหวตรับรองมติคว่ำบาตรเหนืออย่างเป็นเอกฉันท์แค่ไม่กี่ชั่วโมง
รัฐบาลโสมแดงได้ตอบโต้มติยูเอ็นด้วยการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปตกในทะเลเมื่อวันพฤหัสบดี (3) นอกจากนี้ ผู้นำ คิม จอง อึน ยังประกาศให้กองทัพเกาหลีเหนือพร้อมนำอาวุธนิวเคลียร์ออกมาใช้โจมตีก่อนได้ทุกเมื่อ
เมื่อวานนี้ (4) สหภาพยุโรปยังได้เพิ่มแรงบีบคั้นต่อเกาหลีเหนือ โดยใส่รายชื่อบุคคล 16 ราย และนิติบุคคลอีก 12 แห่งลงในบัญชีห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สิน