“นาจิบ” อยู่ยาก ทุกฝ่ายการเมืองจับมือเรียกร้องตะเพิดพ้นเก้าอี้นายกฯ มาเลย์

เอเอฟพี - เหล่าแกนนำทั่วทุกแถบความคิดทางการเมืองของมาเลเซีย จับมือกันในวันศุกร์ (4 มี.ค.) เรียกร้องถอดนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีผู้อื้อฉาวพ้นจากตำแหน่ง ท่ามกลางวิกฤตคอร์รัปชันที่ลุกลามบานปลาย

“เราเรียกร้องชาวมาเลเซียทุกคนโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา สถานการณ์ทางการเมือง คนหนุ่มสาวและคนชรา เข้าร่วมกับเราเพื่อปกป้องมาเลเซียจากรัฐบาลที่บริหารงานโดยนายนาจิบ ราซัค” ถ้อยคำในถ้อยแถลงร่วมที่รับรองโดยกลุ่มคนทรงอิทธิพลทั้งหลายจากทั้งในรัฐบาล ฝ่ายค้าน และกลุ่มประชาสังคมต่างๆ

พันธมิตรนี้เป็นการจับมือกันของอดีตคู่อริทางการเมืองและนำโดยนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 90 ปี ซึ่งเป็นหัวหอกในการเรียกร้องถอดนายราจิบพ้นตำแหน่ง ตามข้อกล่าวหาต่างๆ เกี่ยวกับคอรัปชันและการปกครองที่ไม่ดี “เราต้องขจัดนายนาจิบพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” นายมหาเธร์แถลงข่าวในกรุงกัวลาลัมเปอร์ หลังประท้วงด้วยการลาออกจากพรรรครัฐบาลที่ควบคุมโดยนายนาจิบเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

เสียงเรียกร้องคราวนี้นับเป็นความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดที่นายนาจิบเคยเผชิญมา และเป็นการส่งเสียงให้ทราบว่าความรู้สึกสะอิดสะเอียดของประชาชนที่มีต่อการปกครองของเขากำลังขยายวงกว้างขึ้น

นายนาจิบวัย 62 ปี ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมานานกว่าปีตามข้อหล่าวหายักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากกองทุนรัฐแห่งหนึ่งที่เขาก่อตั้งขึ้นและรับเงินบริจาคเงินลึกลับจากต่างแดน 681 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้แล้วยังมีปรากฎข่าวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่หรูหรา ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและใช้เครื่องบินเจ็ตของรัฐบาลในเรื่องส่วนตัว

แม้แต่ก่อนหน้าข้อกล่าวหาคอร์รัปชันจะปรากฏขึ้น นายนาจิบก็เผชิญเสียงพิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วงอยู่ก่อนแล้ว ต่อกรณีกัดเซาะเสรีภาพพลเมือง ทำให้ความแตกแยกทางเชื้อชาติของมาเลเซียขยายวงกว้างขึ้น และบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว

นายกรัฐมนตรีรายนี้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด โดยบอกว่าข้อกล่าวหาคอร์รัปชันเป็นส่วนหนึ่งของการสมคบคิดทางการเมือง ขณะที่โฆษกของเขาตอบโต้เสียงเรียกร้องรอบใหม่ให้เขาออกจากตำแหน่ง ว่ามันเผยให้เห็นว่านายมหาเธร์และคนอื่นๆ หวังฉวยโอกาสทางการเมืองและสิ้นคิด และย้ำว่ามีเพียงการเลือกตั้งเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนผู้นำประเทศได้

นายนาจิบสกัดการสืบสวนเหตุอื้อฉาวต่างๆ และกำจัดพวกนักวิจารณ์พรรคแนวร่วมรัฐบาลแห่งชาติ(อัมโน) ของเขา เพื่อสยบแรงท้าทายภายในพรรค ส่วนพวกที่ออกมาแฉเรื่องต่างๆถูกจับกุมตัว ปิดปากสื่อมวลชนที่รายงานข่าวเกี่ยวกับข้อกล่าวหา พฤติกรรมที่กระพือความกังวลต่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพการแสดงออก

“มาเลเซียถูกทำให้มัวหมอง” ถ้อยแถลงร่วมระบุ พร้อมเรียกร้องปฏิรูปทางการเมือง ขณะที่ผู้ที่ร่วมเคลื่อนไหวคราวนี้ประกอบไปด้วยรองนายกรัฐมนรีมูฮิดดิน ยาสซิน ที่ถูกนายนาจิบปลดจากตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว หลังเรียกร้องให้ตรวจสอบกองทุนรัฐ เช่นดียวกับเหล่าแกนนำระดับสูงของพรรคฝ่ายค้านต่างๆของมาเลเซียและกลุ่มเคลื่อนไหวปฏิรูปการเลือกตั้งที่จัดการประท้วงต่อต้านเรื่องอื้อฉาวเมื่อปีที่แล้ว

พวกนักวิจารณ์บอกว่า บางทีอาจมีการยักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ไปจากกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลมาเลเซีย 1MDB ในการโอนถ่ายเงินต่างแดนอันซับซ้อนเข้าบัญชีตนเอง แต่นายนาจิบ ยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกำลังตรวจสอบกระแสเงินที่เกี่ยวข้องกับ 1MDB ส่วนเจ้าหน้าที่สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ สิงคโปร์ และฮ่องกง ต่างก็กำลังตรวจสอบย่างละเอียดเช่นกัน

เร็วๆ นี้เจ้าหน้าที่สวิตเซอร์แลนด์บอกว่ามีเงินสูงสุด 4,000 ล้านดอลลาร์ ที่อาจถูกขโมยไปจากกองทุนแห่งนี้และพวกเขากำลังสืบสวนถึงความเป็นไปได้ในการฉ้อโกงและฟอกเงิน

เบื้องต้นนายนาจิบออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหากรณีมีเงินลึกลับ 681 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเขาในปี 2013 แต่ตอนนี้รัฐบาลอ้างว่ามันเป็นของขวัญจากราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย และส่วนใหญ่ได้ส่งคืนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางซาอุดีอาระเบียยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการต่อคำกล่าวอ้างดังกล่าว ขณะที่รายงานการสืบสวนของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ที่เผยแพร่ช่วงกลางสัปดาห์ ระบุว่ามันมาจาก 1MDB ไม่ใช่ซาอุดีอาระเบีย

ความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ยังไม่มีการแถลงแผนนัดชุมนุมและยุทธศาสตร์ในอนาคตของพวกเขาก็ยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม วิกฤตที่ลุกลามขึ้นได้นำมาซึ่งคำเตือนว่าความหวาดหวั่นเกี่ยวกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองอาจกระทบต่อการลงทุนของต่างชาติ ขณที่เศรษฐกิจมาเลเซียที่ต้องพึ่งพาการส่งออกพลังงานเป็นหลัก กำลังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำอยู่ก่อนแล้ว