รอยเตอร์/เอเอฟพี - พบซากที่เชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนของโบอิ้ง 777 นอกจากชายโมซัมบิกและจะถูกนำไปยังออสเตรเลียเพื่อให้คณะสืบสวนที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการค้นหาเที่ยวบิน MH370 ตรวจสอบว่ามันเป็นของเครื่องบินลำนี้ที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นเวลาเกือบ 2 ปีหรือไม่ จากการเปิดเผยของรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซียในวันพุธ (2 มี.ค.)
นายเลียว เตียงไล รัฐมนตรีกระทรวงการคมนาคมมาเลเซีย บอกว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ชิ้นส่วนดังกล่าวจะเป็นของโบอิ้ง 777 แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามันเป็นของเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ลำที่สูญหายหรือไม่ “ซากนี้จะถูกนำไปยังออสเตรเลียเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม” เขาบอกกับรอยเตอร์
เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศโมซัมบิกบอกกับรอยเตอร์ว่าได้นำชิ้นส่วนดังกล่าวที่ถูกพบในจังหวัดอินฮัมบาเน ทางใต้ของประเทศ กำลังถูกลำเลียงโดยเครื่องบินขึ้นเหนือราว 800 กิโลเมตร มายังกรุงมาปูโตและจะถึงจุดหมายปลายทางตอนช่วงค่ำวันพุธ (2 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญจากมาเลเซียและสหรัฐฯ ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้น
ก่อนหน้านี้ในวันพุธ (2 มี.ค.) สำนักข่าวเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างคณะผู้สืบสวนจากสหรัฐฯ มาเลเซีย และออสเตรเลีย ที่ได้เห็พภาพถ่ายของซากดังกล่าว ระบุว่าชิ้นส่วนนี้อาจเป็นแพนหางระดับของโบอิ้ง 777
ชิ้นส่วนดังกล่าวถูกแถบชายฝั่งทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา ระหว่างโมซิมบิกกับมาดากัสการ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่การบินพลเรือนโมซิมบิกเปิดเผยในวันพุธ (2 มี.ค.) ชายชาวอเมริการายหนึ่งเป็นคนพบชิ้นส่วนต้องสงสัยนี้และส่งมอบมันให้พวกเขา
เจา เดอ อาบรู ประธานสถาบันการบินพลเรือนโมซัมบิกเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า “เราได้รับชิ้นส่วนเครื่องบินในตอนบ่ายวันนี้ มันถูกนำมาโดยผู้มาเยือนชาวอเมริกานามว่า เบลน กิบสัน เขาบอกว่าตอนที่เขากำลังเดินอยู่บนชายหาดเมื่อ 2 วันก่อน ได้พบชิ้นส่วนนี้ใกล้ๆ วิลันคูโล บริเวณสันดอนทรายพาลูมา ใกล้เกาะเบนกูเอร์รา”
รายงานข่าวระบุว่านายนายกิบสันเป็นบล็อกเกอร์ชาวอเมริกันและเป็นนักสืบที่กำลังตามหาซากของเครื่องบินที่ยังสูญหายลำนี้ “ชิ้นส่วนมีความยาว 90 เซนติเมตร กว้าง 57 เซนติเมตร รูปทรงไม่สมมาตร เป็นวัสดุผสม และมีสีเทา” เดอ อาบรูกล่าว
เที่ยวบิน MH370 สูญหายไปเมื่อ 2 ปีก่อน ระหว่างที่มันกำลังมุ่งหน้าจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย สู่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน โดยเมื่อปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนปีกของเครื่องบินบนชายฝั่งเกาะรีอูนิยงของฝรั่งเศส ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งอยู่คนละฟากฝั่งของมาดากัสการ์
“มันยังไม่ผ่านการตรวจสอบและยังไม่สามารถยืนยันได้ เราร้องขอทุกคนหลีกเลี่ยงการคาดเดาที่เลยเถิดในระหว่างที่เรายังไม่สามารถสรุปได้ในตอนนี้ว่ามันเป็นของเที่ยวบิน MH370 หรือไม่” นายเลียว เตียงไล ระบุผ่านทวิตเตอร์
เที่ยวบิน MH370 สูญหายไปพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คนเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2014 ด้วยเชื่อว่ามันดิ่งลงสู่มหาสมุทรอินเดีย ขณะที่ปฏิบัติการค้นหาเบื้องต้นครอบคลุมพื้นที่ 60,000 ตารางกิโลเมตรของพื้นทะเล ก่อนขยายเพิ่มเติมอีก 60,000 ตารางกิโลเมตร
ในขณะที่การสูญหายของ MH370 กลายเป็นหนึ่งในปริศนาที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์การบินโลก ทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับชะตากรรมของเครื่องบินก็ผุดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการจี้เครื่องบิน เกิดจากการกระทำของนักบินหรือการไร้ความสามารถของลูกเรือในการจัดการกับปัญหาทางเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานใดๆ สนับสนุนทฤษฎีต่างๆ เหล่านั้น
ครอบครัวผู้โดยสารกล่าวหาสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส และรัฐบาลมาเลเซีย โทษฐานที่ปล่อยให้เครื่องบินหายสาบสูญผ่านการตอบสนองที่ล่าช้าและผิดพลาด เช่นเดียวกับปกปิดข้อมูลและปฏิบัติกับครอบครัวอย่างย่ำแย่
ทั้งสองปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ ณ เวลานั้นพบเห็นปฏิกิริยาที่สับสนของทางมาเลเซีย ในนั้นรวมถึงความล้มเหลวจของกองทัพอากาศมาเลเซียในการดำเนินการอย่างทันท่วงที แม้ติดตามเครื่องบินลำนี้บนจอเรดาร์นานเกือบ 1 ชั่วโมงหลังจากที่มันเบี่ยงเส้นทาง
ญาติๆ ของเหยื่อยื่นฟ้องดำเนินคดีกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ทั้งต่อศาลสหรัฐฯ มาเลเซีย จีนและออสเตรเลีย ก่อนหน้าครบรอบ 2 ปีของการสูญหาย อันเป็นเส้นตายของการดำเนินการทางกฎหมายกับสายการบิน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการบินให้ความเห็นว่าผลของมันน่าจะทำให้มีการจ่ายเงินชดเชยหลายร้อยล้านดอลลาร์