เอเอฟพี - ทางการมาเลเซียระบุในวันนี้ (2) ว่า พวกเขาได้ยึดงาช้างหนัก 159 กิโลกรัม ที่ลักลอบนำเข้ามาโดยผู้โดยสารเครื่องบิน นับเป็นการตรวจยึดครั้งล่าสุดในประเทศที่ถูกใช้เป็นจุดขนส่งสินค้าผิดกฎหมายแห่งสำคัญในเอเชีย
เจ้าหน้าที่ศุลกากรซึ่งระบุว่า งาช้างเหล่านี้มีมูลค่าถึง 382,200 ดอลลาร์ (ราว 13 ล้านบาท) ได้นำงาช้างที่ยึดได้มาแสดงให้เห็นที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์
พวกเขากล่าวว่า ชาวเวียดนาม 2 คน ถูกจับกุมที่สนามบินแห่งนี้ในระหว่างขาเข้าเมื่อวันเสาร์ (27) ที่ผ่านมา หลังจากพวกเขาถูกพบว่าถือกระเป๋าที่บรรจุงาช้าง 101 กิโลกรัม
หลังจากนั้น ในวันเดียวกัน กระเป๋าอีกใบที่บรรจุงาช้าง 58 กิโลกรัม ถูกพบในสนามบิน ทางการรายงานว่ากระเป๋าใบนี้เป็นของผู้โดยสารชาวเวียดนามรายหนึ่งที่บินมาจากเอธิโอเปีย และมุ่งหน้าต่อไปยังกรุงฮานอย
ทางการระบุว่า พวกเขายังคงค้นหาผู้ต้องสงสัยรายที่สามนั้นอยู่
Traffic ซึ่งเป็นกลุ่มเฝ้าระวังการค้าสัตว์ป่า ระบุว่า การขนส่งกรณีล่าสุดนี้เผยให้เห็นว่าผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่ากำลังหันมาใช้วิธีการใหม่ ๆ
“เดิมทีสินค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกขนส่งทางทะเล ดังนั้น นี่จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้ลักลอบกำลังหันมาใช้วิธีการหลากหลายมากยิ่งขึ้น” กนิษฐา คริซนาซามี ผู้จัดการโครงการเครือข่ายเฝ้าระวังการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าประจําเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว
การค้างาช้างข้ามชาติเป็นสิ่งผิดกฎหมายมาตั้งแต่ปี 1989 ภายหลังการลดน้อยลงของประชากรช้างแอฟริกาจากหลายล้านตัวในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 เหลือเพียง 600,00 ตัวในช่วงปลายทศวรรษ 1980
อย่างไรก็ตาม ขบวนการอาชญากรรมหลายกลุ่มยังคงแสวงหาประโยชน์ได้จากอุปสงค์ที่ส่วนใหญ่มาจากเอเชีย
งาและอวัยวะอื่น ๆ ของช้างจะถูกขายเพื่อนำไปทำเป็นเครื่องประดับ อย่างเช่นเครื่องรางและนำไปใช้ในยาพื้นบ้านทั่วหลายพื้นที่ของเอเชีย โดยมีจีนเป็นตลาดสำคัญ
