เอพี / เอเจนซีส์ / MGR online - ทางการมาเซโดเนียในวันอาทิตย์ (21 ก.พ.) สั่งปิดแนวพรมแดนด้านใต้ซึ่งติดต่อกับกรีซ ระบุมาตรการล่าสุดมีจุดมุ่งหมายเพื่อสกัดการอพยพเข้าประเทศของผู้อพยพชาวอัฟกัน แต่ยังยกเว้นให้ผู้อพยพที่เป็นชาวอิรักและซีเรีย
คำแถลงของรัฐบาลมาเซโดเนียมีความสอดคล้องกับข้อมูลของตำรวจกรีซก่อนหน้านี้ที่ระบุถึงการสั่งปิดแนวพรมแดนด้านที่ติดต่อกับกรีซของทางการมาเซโดเนียในครั้งนี้ว่ามีผลเฉพาะผู้อพยพที่เป็นชาวอัฟกันเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมถึงผู้อพยพชาวซีเรีย อิรัก หรือผู้อพยพสัญชาติอื่นๆ
อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังคงไม่มีคำอธิบายใดๆ จากเจ้าหน้าที่ของทางการมาเซโดเนีย ว่าเพราะเหตุใดจึงประกาศสกัดกั้นเฉพาะผู้อพยพที่เป็นชาวอัฟกันมิให้เดินทางจากฝั่งกรีซเข้ามาในเขตแดนของตน
ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในกรุงสโกเปีย เมืองหลวงของมาเซโดเนีย เผยว่า เหตุผลของการปิดพรมแดน และการเลือกสกัดกั้นเฉพาะผู้อพยพชาวอัฟกันในครั้งนี้ อาจเกี่ยวข้องกับข้อมูลลับด้านข่าวกรองที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดการโจมตีของพวกผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวปะปนมากับผู้อพยพชาวอัฟกัน
ก่อนหน้านี้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง รัฐบาลเซอร์เบียก็ประกาศห้ามผู้อพยพชาวอัฟกันเข้าประเทศเช่นเดียวกัน แต่ก็มิได้มีการชี้แจงรายละเอียดถึงเหตุผลในการเลือกสกัดผู้อพยพเฉพาะที่เป็นชาวอัฟกันแต่อย่างใด
ผลการสั่งปิดพรมแดนและมาตรการเข้มงวดในการสกัดผู้อพยพชาวอัฟกันล่าสุดของทางการมาเซโดเนีย ส่งผลให้มีผู้อพยพชาวอัฟกันที่รอข้ามพรมแดนตกค้างอยู่ในฝั่งของกรีซเป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจของกรีซระบุว่า มีผู้อพยพชาวอัฟกันจำนวนไม่น้อยกว่า 800 รายติดค้างอยู่ในเขตแดนของตนในวันอาทิตย์ (21 ก.พ.) ขณะที่อีกราว 2,750 รายยังคงรอคอยแบบมีความหวังอยู่ในรถบัสโดยสารจำนวน 55 คันที่จอดอยู่ไม่ไกลจากแนวชายแดน
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ขณะนี้มีผู้อพยพชาวอัฟกันติดค้างอยู่บริเวณแนวรอยต่อพรมแดน ระหว่างมาเซโดเนียกับเซอร์เบียเป็นจำนวนอย่างน้อยเกือบ 620 ราย และผู้อพยพกลุ่มนี้ต้องเผชิญกับสภาพอากาศหนาวและการขาดแคลนอาหารในระหว่างที่รอให้ทางการเซอร์เบียเปิดพรมแดนให้พวกเขาเดินทางเข้าประเทศ