เอเจนซีส์ - คาบสมุทรเกาหลีร้อนฉ่ายิ่งขึ้นไปอีก เจ้าหน้าที่ระดับสูงโสมขาวระบุ หน่วยจารชนเปียงยางกำลังเตรียมการโจมตีเกาหลีใต้ครั้งใหญ่ในหลายๆ เป้าหมายและหลายๆ รูปแบบ ตามคำสั่งคิม จองอึน ขณะที่โซลแย้มพรายการซ้อมรบร่วมประจำปีนี้ทัพอเมริกันขนกำลังพลมา 4 เท่าตัวของที่วางแผนไว้ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีรายงานว่าสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้เตรียมเปิดฉากหารือเรื่องการติดตั้งระบบขีปนาวุธขั้นสูงในสัปดาห์นี้
คิม ซุงวู เจ้าหน้าที่อาวุโสจากสำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้ แถลงถ่ายทอดทางทีวีเมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.พ.) ว่า หน่วยงานจารชนของเกาหลีเหนือได้เริ่มดำเนินการตามคำสั่งของผู้นำสูงสุด คิม จองอึน ในการรวบรวมศักยภาพความสามารถเพื่อทำการโจมตีครั้งใหญ่ ซึ่งอาจเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อชีวิตและความมั่นคงของเกาหลีใต้
เจ้าหน้าที่อาวุโสโสมขาวผู้นี้สำทับว่า ความเป็นไปได้ในการโจมตีของเปียงยางขณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมเรียกร้องให้รัฐสภาเร่งผ่านกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย
เกาหลีเหนือนั้นมีประวัติก่อการโจมตีเกาหลีใต้มาหลายครั้ง เช่น การยิงปืนใหญ่ใส่เกาะแห่งหนึ่งในปี 2010 ที่ทำให้ชาวโสมขาวเสียชีวิต 4 ราย และการระเบิดเครื่องบินพาณิชย์ของเกาหลีใต้ในปี 1987 ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 115 คนเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ไม่มีแหล่งข่าวอิสระใดๆ สามารถยืนยันได้ว่าเปียงยางกำลังเตรียมการโจมตีจริงหรือไม่ ขณะที่สำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้ก็ไม่ได้ระบุว่าได้ข้อมูลล่าสุดมาจากแหล่งใด
นอกจากนั้น ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีนั้นเอง สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นไอเอส) ยังได้ไปบรรยายสรุปต่อสมาชิกพรรคเซนูริ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เกี่ยวกับการเตรียมการโจมตีของโสมแดงเช่นเดียวกัน
เจ้าหน้าที่พรรคที่ไม่ประสงค์ออกนามเผยว่า เอ็นไอเอสอ้างอิงผลการศึกษาพฤติกรรมการยั่วยุในอดีตของเกาหลีเหนือและการประเมินที่ไม่ระบุเฉพาะเจาะจง และบอกว่า การโจมตีอาจพุ่งเป้าที่นักเคลื่อนไหวต่อต้านเปียงยาง, ผู้แปรพักตร์ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ โดยเกาหลีเหนืออาจโจมตีผู้แปรพักตร์และนักเคลื่อนไหวด้วยสารพิษ หรือล่อลวงให้เดินทางไปจีนเพื่อลักพาตัว
เจ้าหน้าที่คนเดิมเพิ่มเติมว่า อาจมีการโจมตีรถไฟใต้ดิน ห้างสรรพสินค้า และสถานที่สาธารณะอื่นๆ
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่พรรคเซนูริปฏิเสธที่จะระบุว่ามีการหารือพูดคุยกันหรือไม่ว่าข้อมูลดังกล่าวได้มาจากที่ใด ขณะที่ทางเอ็นไอเอสก็มีประวัติในอดีตที่คาดการณ์เหตุการณ์ในเกาหลีเหนือคลาดเคลื่อน อีกทั้งในครั้งนี้ก็ไม่ออกมาแถลงยืนยันว่ามีการประเมินสถานการณ์ที่มีการรายงานนี้
กระนั้น การเผชิญหน้าระหว่างเกาหลีใต้และพันธมิตรกับเกาหลีเหนือมีแนวโน้มว่าจะไม่จบลงง่ายๆ เนื่องจากขณะนี้โซลและวอชิงตันกำลังเตรียมหารือรายละเอียดแผนการติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธในระดับบรรยากาศชั้นสูง (THAAD) ของสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเปียงยางเตือนว่าจะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น รวมทั้งจีนและรัสเซียก็ไม่พอใจ เพราะเป็นระบบอาวุธซึ่งมีพิสัยทำการครอบคลุมลึกเข้าไปมากภายในดินแดนของชาติทั้ง 2
โซลกับวอชิงตันประกาศจะหารือเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 7 ที่ผ่านมา วันเดียวกับที่เกาหลีเหนืออ้างว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงจรวดปล่อยดาวเทียม ทว่า โซลและวอชิงตันเชื่อว่าเป็นการตบตาเพื่อทดสอบเทคโนโลยีขีปนาวุธพิสัยไกลมากกว่า
นอกจากนั้น เมื่อวันพุธ (17) อเมริกายังส่งเครื่องบินขับไล่ล่องหน เอฟ-22 สี่ลำ บินต่ำเหนือกรุงโซลเพื่อย้ำว่ายังคงมุ่งมั่นปกป้องพันธมิตรเอเชียรายนี้อย่างเหนียวแน่น หลังจากเดือนที่ผ่านมาวอชิงตันเพิ่งส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-52 ที่มีศักยภาพโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์โฉบเหนือโซลเพื่อแสดงแสนยานุภาพข่มขวัญเปียงยางที่ท้าทายนานาชาติด้วยการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4
ในวันพฤหัสบดี (18) สำนักข่าวยอนฮัปของโสมขาวรายงานโดยอ้างอิงคำแถลงของฮัน มินกู รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ที่ว่า การซ้อมรบร่วมประจำปีระหว่างอเมริกากับเกาหลีใต้ในเดือนหน้า จะเป็นปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น โดยทางฝ่ายสหรัฐฯ จะส่งกำลังพลเข้าร่วมถึง 15,000 นาย หรือสี่เท่าตัวของแผนการเดิม และเพิ่มขึ้นมโหฬารจาก 3.700 นายเมื่อปีที่แล้ว
ปกติแล้ว การซ้อมรบดังกล่าวที่ใช้ชื่อรหัสว่า คีย์ รีโซลฟ์ จะใช้เวลา 10 วัน และเป็นปฏิบัติการเสมือนจริงบนระบบคอมพิวเตอร์ โดยจะดำเนินไปควบคู่กับการซ้อมรบร่วมภาคสนามซึ่งมีชื่อรหัสว่า “โฟล อีเกิล” ที่ปีที่แล้วกินเวลาถึง 50 วัน และสำหรับครั้งนี้คาดว่าจะเป็นการซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ที่สุดเช่นเดียวกัน โดยที่อเมริกานำเอาทรัพยากรสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของตนเข้ามา อาทิ กองพลน้อยสู้รบสังกัดกองทัพอากาศ หน่วยนาวิกโยธิน กองเรือที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์