xs
xsm
sm
md
lg

เกาหลีเหนือ-ใต้บรรลุข้อตกลงจัด “งานรวมญาติ” เดือนตุลาคมนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ลี ดุก-แฮง หัวหน้าทีมเจรจาของเกาหลีใต้ (ขวา) ขณะร่วมเจรจาเรื่องการจัดงานรวมญาติกับ พัค ยอง-อิล หัวหน้าคณะผู้แทนจากเกาหลีเหนือ ที่หมู่บ้านปันมุนจอมในเขตปลอดทหารชายแดน 2 เกาหลี วันนี้ (ก.ย.)
เอเอฟพี - เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ประกาศจะจัดงานรวมญาติชาวเกาหลีขึ้นอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สูงวัยที่พลัดพรากจากครอบครัวของตนในช่วงสงครามเกาหลีได้มีโอกาสพบหน้าญาติที่อาศัยอยู่คนละฝั่งพรมแดน โดยเป็นผลจากการเจรจาระหว่างผู้แทนสภากาชาดทั้ง 2 ฝ่ายเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา

สำหรับงานรวมญาติครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 5 ปี โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-26 ตุลาคม ณ รีสอร์ตตากอากาศบนภูเขาคุมกังของเกาหลีเหนือ

ทั้งนี้ ผู้แทนฝ่ายกรุงโซลพยายามเรียกร้องให้จัดงานรวมญาติก่อนที่จะถึงวาระครบรอบ 70 ปีการก่อตั้งพรรคแรงงานเกาหลีในวันที่ 10 ตุลาคม เนื่องจากเกรงว่าเปียงยางจะใช้โอกาสดังกล่าวแสดงพฤติกรรมยั่วยุทางทหาร ซึ่งอาจทำให้งานรวมญาติต้องล่มไปอย่างน่าเสียดาย

กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้แถลงว่า ผู้แทนสภากาชาดทั้งสองฝ่ายเริ่มเปิดเจรจากันตั้งแต่เช้าวันจันทร์ (7) ที่หมู่บ้านปันมุนจอมในเขตปลอดทหาร และการหารือได้ยืดเยื้อไปจนถึงช่วงกลางดึกโดยมีพักเบรกเป็นช่วงๆ

ลี ดุก-แฮง หัวหน้าทีมเจรจาของเกาหลีใต้ ยืนยันว่า ฝ่ายของเขาได้เรียกร้องให้งานรวมญาติถูกจัดขึ้น “โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” แต่ฝั่งเกาหลีเหนือปฏิเสธ โดยอ้างถึงวันหยุดยาวในเทศกาลชูซ็อกช่วงปลายเดือนกันยายน และทางเปียงยางเองก็ต้องเตรียมพิธีฉลองวันก่อตั้งพรรคแรงงานครบ 70 ปีด้วย

ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะคัดเลือกผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติเหมาะสมประเทศละ 100 คน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมรวมญาติเป็นเวลา 1 สัปดาห์

การจัดงานรวมญาติในปีนี้ถูกเสนอขึ้นมา หลังจากรัฐบาลสองเกาหลีได้บรรลุข้อตกลงเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนที่จะยุติการเผชิญหน้า และผ่อนคลายความตึงเครียดตามแนวชายแดน

โสมแดงเริ่มกล่าวหาว่ากรุงโซลป่วนข้อตกลงยุติความตึงเครียด พร้อมขู่จะยกเลิกสัญญาทั้งหมด รวมถึงงานรวมญาติด้วย หากเกาหลีใต้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกาหลีเหนือในทางเสียหายอีก

ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากจะมีพิธีสวนสนามกองทัพอย่างยิ่งใหญ่แล้ว เกาหลีเหนืออาจถือโอกาสยิงขีปนาวุธพิสัยไกลเพื่อฉลองวันก่อตั้งพรรคแรงงานด้วย ซึ่งจะเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ และทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีร้อนระอุขึ้นมาอีก

สงครามซึ่งปะทุขึ้นในปี 1950-53 ส่งผลให้เกาหลีเหนือและใต้ถูกตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิง และมีชาวเกาหลีหลายล้านคนที่ถูกกีดกันด้วยเส้นพรมแดนไม่ให้มีโอกาสพบหน้าครอบครัว หลายรายค่อยๆ แก่ชราและเสียชีวิตลงไปโดยไม่เคยได้พบหน้าญาติที่อยู่อีกฝั่ง เนื่องจากการสื่อสารข้ามแดนระหว่างพลเรือนเป็นที่ต้องห้ามโดยเด็ดขาด

ปัจจุบันมีชาวเกาหลีใต้ราว 66,000 คนที่ลงทะเบียนขอเข้าร่วมกิจกรรมรวมญาติ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัยที่อายุระหว่าง 80-90 ปี ทว่าแต่ละครั้งจะมีผู้ที่ได้รับคัดเลือกเพียงไม่กี่ร้อยคน

โครงการจัดงานรวมญาติเป็นผลสำเร็จจากการประชุมซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและใต้เมื่อปี 2000 โดยแรกเริ่มนั้นตั้งใจจะจัดเป็นประจำทุกปี แต่ระยะหลังๆ สถานการณ์ชายแดนสองเกาหลีตึงเครียดมากขึ้น ทำให้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเพิ่งจะสามารถจัดงานรวมญาติได้จริงๆ เพียงครั้งเดียว

กระบวนการคัดเลือกผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมงานรวมญาติถือเป็นขั้นตอนที่ให้ทั้งความตื่นเต้นและความหวังแก่ผู้สูงอายุที่รอคอยโอกาสมานานเกือบทั้งชีวิต แม้ในทางสถิติโอกาสสมหวังจะน้อยมากก็ตาม

สำหรับงานรวมญาติครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 ทางการเกาหลีเหนือและใต้ได้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์สุ่มคัดเลือกผู้ที่อาจมีสิทธิ์เข้าร่วมงาน 500 คน โดยพิจารณาจากอายุและภูมิหลังของครอบครัวเป็นสำคัญ

ผู้ผ่านการคัดเลือกรอบแรกจะถูกคัดกรองโดยการสัมภาษณ์และตรวจสุขภาพจนเหลือเพียงแค่ 200 คน จากนั้นรัฐบาลเกาหลีเหนือและใต้จะเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจริงๆ เพียงประเทศละ 100 คน หลังจากที่ได้ตรวจสอบแล้วว่า ญาติที่อาศัยอยู่อีกฝั่งประเทศยังมีชีวิตอยู่และสามารถเดินทางมาร่วมงานได้

กระบวนการคัดเลือกผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมงานรวมญาติถือเป็นขั้นตอนที่ให้ทั้งความตื่นเต้นและความหวังแก่ผู้สูงอายุที่รอคอยโอกาสมานานเกือบทั้งชีวิต แม้ในทางสถิติโอกาสสมหวังจะน้อยมากก็ตาม

งานรวมญาติเป็นกิจกรรมที่ซาบซึ้งและสะเทือนอารมณ์อย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุที่โชคดีได้รับการคัดเลือก หลายคนเมื่อได้พบหน้าบุคคลอันเป็นที่รักถึงกับปล่อยโฮและโผเข้าสวมกอดกันและกัน

สงครามเกาหลียุติลงได้ด้วยข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ ดังนั้น ในทางเทคนิคเกาหลีเหนือและใต้จึงยังอยู่ในฐานะ “คู่สงคราม” และการสื่อสารข้ามแดนระหว่างพลเรือนไม่ว่าจะเป็นจดหมายหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ถูกห้ามอย่างเด็ดขาด




กำลังโหลดความคิดเห็น