เอเอฟพี/MGROnline - สหรัฐฯ เตรียมส่งกำลังพลเข้าร่วมปฏิบัติการซ้อมรบภายใต้รหัส “คีย์ รีโซล์ฟ” กับเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 4 เท่าตัว เพื่อตอบโต้ที่เกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์และยิงขีปนาวุธพิสัยไกลในช่วงต้นปีนี้ กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แถลงวันนี้ (18 ก.พ.)
สำนักข่าวยอนฮัปอ้างคำแถลงจาก ฮัน มิน-กู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ซึ่งระบุว่า กองทัพสหรัฐฯ จะส่งทหาร 15,000 นายร่วมฝึก คีย์ รีโซล์ฟ ซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์สู้รบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพิ่มขึ้นจาก 3,700 นายในปีที่แล้ว ส่วนทางเกาหลีใต้เองก็จะส่งทหารเข้าร่วมมากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน
การฝึก คีย์ รีโซล์ฟ ซึ่งใช้เวลา 10 วันในปีที่แล้วมักจะจัดต่อเนื่องกับการซ้อมรบภายใต้รหัส “โฟล อีเกิล” ซึ่งเป็นปฏิบัติการซ้อมรบจริงทั้งทางอากาศ, พื้นดิน และทะเล ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 50 วัน
ยอนฮัประบุว่า ในส่วนของภารกิจ โฟล อีเกิล ในปีนี้ก็คาดว่าจะยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยสหรัฐฯ เตรียมส่งบุคลากรและอาวุธทางยุทธศาสตร์เข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประจัญบานของกองทัพอากาศ นาวิกโยธิน หมู่เรือบรรทุกเครื่องบิน และกองเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์
เกาหลีเหนือมักมีคำแถลงข่มขู่ออกมาทุกครั้งก่อนที่การซ้อมรบประจำปีระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีใต้จะเริ่มขึ้น ซึ่งทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีร้อนระอุตามไปด้วย เช่นเมื่อปีที่แล้วที่ผู้นำ คิม จอง อึน สั่งให้กองทัพโสมแดงเตรียมพร้อมทำสงครามกับสหรัฐฯ และพันธมิตร ทั้งยังยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูกไปตกลงในทะเลเพื่อท้าทายอเมริกา
เดือนที่แล้วรัฐบาลเปียงยางได้ทำการทดสอบนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 4 โดยไม่ใส่ใจต่อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่สั่งห้ามทดสอบเทคโนโลยีจรวดทุกประเภท และยังตามมาด้วยการยิงจรวดส่งเทียมเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งชาติตะวันตกเชื่อว่าเป็นแค่แผนอำพรางการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลที่เกาหลีเหนือหวังจะเอาไปติด “หัวรบนิวเคลียร์” ในอนาคต
สหรัฐฯ ได้แสดงแสนยานุภาพข่มขู่เกาหลีเหนือ โดยส่งเรือดำน้ำพิฆาต ยูเอสเอส นอร์ทโรไลนา มายังท่าเรือเมืองปูซานเมื่อวันจันทร์ (15) เพื่อซ้อมรบทางทะเลร่วมกับกองทัพเรือโสมขาว และล่าสุดเมื่อวานนี้ (17) ก็ได้ส่งฝูงบินขับไล่ F-22 จำนวน 4 ลำมาประจำการที่ฐานทัพอากาศใกล้ๆ กรุงโซล
วอชิงตันและโซลจะเริ่มเจรจากันในสัปดาห์นี้เกี่ยวกับการส่งระบบต่อต้านขีปนาวุธล้ำสมัยของอเมริกามาช่วยป้องกันเกาหลีใต้ แม้จะมีเสียงคัดค้านอย่างรุนแรงจากจีนและรัสเซีย ซึ่งเตือนว่าการทำเช่นนี้จะกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันด้านอาวุธ และบั่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
มุน ซัง-กยุน โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ แถลงวันนี้ (18) ว่า รัฐบาลโซลขอสงวนไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตยและสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าจะนำระบบต่อต้านขีปนาวุธในบรรยากาศชั้นสูง (Terminal High Altitude Area Defence System - THAAD) ของสหรัฐฯ มาติดตั้งบนแผ่นดินเกาหลีใต้หรือไม่
“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการปกป้องประชาชนและทรัพย์สินของพวกเขาให้พ้นจากภัยนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ” มุนให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
คำแถลงของมุนมีขึ้นหลังจาก หง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้กล่าวเรียกร้องวานนี้ (17) ให้โซลระงับแผนนำขีปนาวุธ THAAD มาติดตั้งบนคาบสมุทรเกาหลี
THAAD เป็นระบบป้องกันขีปนาวุธจากค่ายล็อกฮีด มาร์ติน ที่ถูกออกแบบเพื่อทำลายขีปนาวุธพิสัยใกล้, กลาง และกลางขั้นสูง (intermediate-range) โดยจะยิงขีปนาวุธสกัดกั้นขึ้นไปทำลายเป้าหมายในบรรยากาศชั้นสูง หรือนอกโลก
THAAD สามารถรับสัญญาณจากระบบอาวุธเอจิส (Aegis), ดาวเทียม และเซ็นเซอร์อื่นๆ และยังสามารถทำงานร่วมกับขีปนาวุธแพทริออตรุ่น 3 (PATRIOT Advanced Capability-3) ได้ นอกจากนี้ยังติดตั้งเรดาร์, อุปกรณ์ควบคุมการดักฟัง, สื่อสาร และการยิงอีกด้วย