เอเอฟพี – มอสโกออกโรงเตือนในวันนี้ (10) ว่า การที่วอชิงตันจะส่งระบบป้องกันขีปนาวุธไปประจำการยังเกาหลีใต้อาจก่อให้เกิดการแข่งขันทางด้านอาวุธในภูมิภาคนี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้ากระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ และสหรัฐฯ ระบุว่า พวกเขาจะเริ่มต้นการหารืออย่างเป็นทางการเรื่องการประจำการระบบต่อต้านขีปนาวุธเพดานบินสูง (THAAD) เพื่อตอบโต้การทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเมื่อไม่เร็ว ๆ นี้
“การปรากฏตัวของระบบต่อต้านขีปนาวุธสหรัฐฯในภูมิภาคนี้ ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ความมั่นคงอันยากลำบาก อาจทำให้เกิดการแข่งขันด้านอาวุธในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและทำให้การแก้ไขปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีซับซ้อนยิ่งขึ้น” กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุ
“สำหรับในระดับโลก การกระทำเช่นนี้อาจยิ่งเพิ่มผลกระทบอันเป็นภัยของระบบป้องกันขีปนาวุธสหรัฐฯต่อความมั่นคงและเสถียรภาพระหว่างประเทศ”
กระทรวงการต่างประเทศ เน้นย้ำว่า การทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเปียงยาง “ไม่อาจหลีกเลี่ยงการถูกประณามอย่างรุนแรง” แต่ก็กล่าวหาวอชิงตันว่าใช้เหตุการณ์นี้เพื่อแผ่ขยายระบบต่อต้านขีปนาวุธของตน
สหรัฐฯยืนกรานว่าโครงการขีปนาวุธพิสัยไกลที่กำลังคืบหน้าของเกาหลีเหนือ ทำให้ระบบต่อต้านขีปนาวุธมีความจำเป็นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
จีนก็โต้แย้งเช่นกันว่ามันจะบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาคที่มีความสมดุลอย่างละเอียดอ่อนแห่งนี้
เปียงยางระบุว่าการประจำการระบบต่อต้านขีปนาวุธดังกล่าวเป็นยุทธวิธีสงครามเย็นเพื่อ “ยับยั้ง” จีนและรัสเซีย
ระบบ THAAD ซึ่งประจำการมาตั้งแต่ปี 2008 ประกอบด้วย เครื่องยิงบนรถบรรทุก เรดาร์ ขีปนาวุธสกัดกั้น และข่ายเชื่อมโยงการสื่อสารทั่วโลก
ปัจจุบันมีระบบ THAAD ใช้การได้อยู่ 5 กองร้อย ทั้งนี้ อ้างจากสำนักงานป้องกันขีปนาวุธของกระทรวงกลาโหม และมีการสั่งซื้อเพิ่มอีก 2 กองร้อยในปี 2014
การยิงจรวดของเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถูกมองอย่างกว้างขวางว่า เป็นการแอบทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลสร้างความไม่พอใจให้กับนานาชาติและทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติที่จะคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่
การยิงจรวดดังกล่าวซึ่งละเมิดมติของยูเอ็นหลายข้อเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่เปียงยางทำการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4