รอยเตอร์ - รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมบังคับใช้กฎหมายต่อต้านก่อการร้ายฉบับใหม่ ซึ่งจะให้อำนาจรัฐคุมขังผู้ต้องสงสัยได้ 3 เดือนโดยไม่ต้องมีการไต่สวน และเพิกถอนสัญชาติพลเมืองที่เข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้าย หลังเกิดเหตุกลุ่มติดอาวุธเครือข่ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) ใช้ระเบิดโจมตีกรุงจาการ์ตา จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เมื่อเดือนที่แล้ว
ข้อมูลซึ่งแหล่งข่าวในรัฐบาลเผยกับรอยเตอร์เมื่อวันอังคาร (16 ก.พ.) คาดว่าจะปลุกกระแสคัดค้านอย่างหนักจากนักสิทธิมนุษยชน ซึ่งเตือนว่ารัฐไม่ควรทำลายเสรีภาพที่พลเมืองอินโดนีเซียได้มาอย่างยากยิ่ง นับตั้งแต่ยุคเผด็จการซูฮาร์โตสิ้นสุดลงเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อิเหนาเชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาได้ไม่ยาก และหากเปรียบเทียบกับกฎหมายต่อต้านก่อการร้ายที่ออสเตรเลียและมาเลเซียประกาศใช้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็นับว่ายังไม่เข้มงวดเท่า
ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย มีคำสั่งเร่งด่วนให้แก้ไขกฎหมายต่อต้านก่อการร้ายฉบับปี 2003 หลังเกิดเหตุชายฉกรรจ์ 4 คนใช้ระเบิดและปืนโจมตีย่านธุรกิจใจกลางเมืองหลวงของประเทศ เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ซึ่งต่อมากลุ่มไอเอสในตะวันออกกลางได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ
รายละเอียดของร่างกฎหมายยังคงถูกปิดเป็นความลับ แต่แหล่งข่าวในรัฐบาล 2 คนซึ่งใกล้ชิดกับกระบวนการร่างกฎหมายโดยตรง บอกกับรอยเตอร์ว่า คำว่า “ก่อการร้าย” จะถูกตีความให้มีความหมายกว้างขึ้นกว่าเดิม และเปิดทางให้รัฐสามารถจับกุมและกักขังผู้ต้องสงสัยได้สะดวกยิ่งขึ้น
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า เวลานี้กฎหมายอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของรัฐสภา และคาดว่าอีก 2-3 เดือนจึงจะมีการประกาศใช้
“คำว่าลัทธิก่อการร้าย (terrorism) จะถูกตีความให้ครอบคลุมถึงการครอบครอง การแจกจ่าย และการค้าอาวุธทุกประเภท... รวมไปถึงวัสดุที่อาจใช้เป็นอาวุธในการก่อการร้ายได้” แหล่งข่าวคนหนึ่งระบุ
ตำรวจจะสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้นานถึง 90 วันโดยไม่ต้องมีการไต่สวน และ 120 วันสำหรับการคุมขังเพื่อความปลอดภัย (preventive detention) จากปัจจุบันที่กฎหมายให้อำนาจฝากขังไม่เกิน 1 สัปดาห์
กฎหมายฉบับใหม่ยังให้อำนาจรัฐดำเนินคดีต่อบุคคลซึ่งทำหน้าที่จัดหาสมาชิกหรือร่วมมือกับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ และอาจนำการสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ข่าวกรอง และธุรกรรมการเงิน มาเป็นหลักฐานเอาผิดผู้ต้องหาในศาลได้
นอกจากนี้ กฎหมายยังเปิดทางให้มีการเพิกถอนสัญชาติพลเมืองอินโดนีเซียที่ไปร่วมฝึกฝนกับกลุ่มติดอาวุธ หรือลงมือก่อการร้ายในต่างประเทศ
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอินโดนีเซียระบุว่า มีพลเมืองอิเหนาเดินทางไปเข้าร่วมกับไอเอสในอิรักและซีเรียประมาณ 500 คน และคาดว่า 1 ใน 5 ได้เดินทางกลับมาบ้านเกิดแล้ว แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่พวกที่เคยออกไปสู้รบแนวหน้า
2 เดือนมานี้ หน่วยต่อต้านก่อการร้ายอินโดนีเซียสามารถจับกุมชายฉกรรจ์ได้หลายสิบคนซึ่งต้องสงสัยว่ามีแผนก่อวินาศกรรมหน่วยงานรัฐ หรือสถานที่สำคัญของประเทศ
ตำรวจอิเหนาร้องเรียนมานานแล้วว่า บ่อยครั้งที่พวกเขาได้รับแจ้งเบาะแสกิจกรรมของพวกหัวรุนแรง แต่ไม่สามารถเข้าจับกุม จนกว่าจะมีการข่มขู่หรือการโจมตีเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งกฎหมายฉบับใหม่ก็ได้อุดช่องโหว่ในจุดนี้ โดยอนุมัติให้ตำรวจสามารถออกหมายจับได้ทันที “แม้ว่าบุคคลเหล่านั้นจะเพียงนัดพบปะเพื่อวางแผนก่อเหตุรุนแรงก็ตาม”