เอเอฟพี - ประธานาธิบดีฮัสซัน รอฮานี แห่งอิหร่าน ประเดิมทริปเยือนยุโรปด้วยการลงนามข้อตกลงมูลค่าเกือบ 17,000 ล้านยูโรกับกลุ่มธุรกิจของอิตาลีเมื่อวานนี้ (25 ม.ค.) ซึ่งนับเป็นการหวนคืนสู่เวทีเศรษฐกิจโลกอย่างเต็มภาคภูมิ หลังจากที่อิหร่านได้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับชาติมหาอำนาจจนนำมาสู่การปลดล็อกมาตรการคว่ำบาตรให้แก่สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้
เจ้าหน้าที่อิหร่านระบุว่า ข้อตกลงการค้าซึ่งมีการลงนามที่กรุงโรมเมื่อค่ำวันจันทร์(25) อาจมีมูลค่ารวมถึง 17,000 ล้านยูโร รวมถึงข้อตกลง 5,000 ล้านยูโรกับบริษัทท่อก๊าซไซเปม (Saipem) ของอิตาลี ซึ่งทำให้ราคาหุ้นของไซเปมพุ่งขึ้นไปถึง 18.5% ในการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์มิลานวานนี้ (25)
ทั้งนี้ คาดว่าผู้นำอิหร่านจะยืนยันคำสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสล็อตใหญ่หลังจากเดินทางถึงกรุงปารีสในวันพุธ (27) รวมถึงเซ็นข้อตกลงประวัติศาสตร์กับค่ายรถฝรั่งเศสอย่าง “เปอโยต์” และ “เรโนลต์” เพื่อร่วมเป็นหุ้นส่วนผลิตรถยนต์
ประธานาธิบดีรอฮานีแถลงว่า ตนมาเยือนยุโรปพร้อมสาส์นแห่งการ “เปิดกว้างทางธุรกิจ”
“ตลาดอิหร่านพร้อมเปิดรับนักลงทุนจากอิตาลีและยุโรปเข้ามาแสวงหาโอกาสในภูมิภาคนี้” ผู้นำอิหร่านกล่าว
ด้านนายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี แห่งอิตาลี ได้กล่าวเสริมว่า “เราทั้งสองชาติได้ลงนามข้อตกลงชุดแรกๆ แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของหนทางที่ยังอีกยาวไกล”
เรนซี ยังได้พูดคุยกับผู้นำอิหร่านถึงวิธียุติสงครามในซีเรีย รวมไปถึงการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) “ถ้าเราสามารถตกลงกันในเรื่องนิวเคลียร์ได้ เราก็ต้องหาทางออกให้กับซีเรียได้เช่นกัน เราทำได้ และต้องทำด้วย”
รอฮานี มีกำหนดเข้าพบพระสันตะปาปาฟรานซิสที่นครรัฐวาติกันในวันนี้ (26) ก่อนจะเดินทางต่อไปยังฝรั่งเศสในวันพุธ (27) ซึ่งนับเป็นการเยือนยุโรปอย่างเป็นทางการครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดีอิหร่าน และยังเป็นทริปต่างประเทศครั้งแรกของเขา นับตั้งแต่ข้อตกลงนิวเคลียร์กับกลุ่มมหาอำนาจ P5+1 ซึ่งได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส บวกเยอรมนี เริ่มมีผลบังคับอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนนี้
คณะของผู้นำอิหร่านประกอบด้วยรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ และนักธุรกิจกว่า 100 คน
รอฮานี วัย 67 ปี ซึ่งเป็นอดีตนักวิชาการและนักการทูตที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักปฏิบัติ” ก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่านในปี 2013 โดยให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก และทำให้อิหร่านหลุดพ้นจากมาตรการคว่ำบาตรซึ่งเป็นบทลงโทษที่ตะวันตกบังคับใช้เพื่อกดดันให้เตหะรานยุติโครงการนิวเคลียร์
“เราเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับอิตาลีและฝรั่งเศสมาก่อน และต้องการที่จะสืบสานความสัมพันธ์ที่ดีนั้นต่อไป” รอฮานี ให้สัมภาษณ์ต่อสื่ออิหร่าน ก่อนออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติเมห์ราบัดในกรุงเตหะราน เมื่อวานนี้ (25)
อิหร่านแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (24) ว่าจะสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสใหม่จำนวน 114 ลำ เพื่อนำมาทดแทนเครื่องบินโดยสารรุ่นเก่าที่อิหร่านต้องฝืนใช้งานมายาวนานหลังถูกนานาชาติคว่ำบาตร
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เฉพาะคำสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสเพียงอย่างเดียวก็ชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจมหาศาลที่มาพร้อมกับการเปิดตลาดอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับภาคการผลิตและวิศวกรรมของยุโรป
อับบาส อาคูนดี รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมอิหร่าน แถลงว่า เครื่องบินแอร์บัสล็อตแรกคาดว่าจะส่งมอบได้ภายในเดือน มี.ค. และอิหร่านนั้นมีความต้องการสั่งซื้อเครื่องบินใหม่ถึง 500 ลำ
อิหร่านยังเตรียมทำสัญญาร่วมทุนระหว่างบริษัท โคโดร อินดัสเตรียล กรุ๊ป กับค่ายรถเปอโยต์ของฝรั่งเศสเพื่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ โดยสื่ออิหร่านระบุว่า โครงการนี้จะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 500 ล้านยูโร
เปอโยต์เคยมียอดจำหน่ายรถยนต์ในอิหร่านมากถึง 473,000 คันในปีที่สุดท้าย ก่อนที่จะถอนตัวออกไปเมื่อปี 2012
สัปดาห์ที่แล้ว ผู้ว่าการธนาคารกลางอิหร่านออกมาประเมินว่า การยกเลิกคว่ำบาตรอิหร่านตามเงื่อนไขข้อตกลงนิวเคลียร์จะช่วยให้มีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าสู่อิหร่านถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านสายการบินอลิตาเลียของอิตาลีประกาศวานนี้ (25) ว่าจะเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกรุงโรม-เตหะราน จาก 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็นวันละ 1 เที่ยวบิน เพื่อตอบสนองความต้องการเดินทางติดต่อธุรกิจและการท่องเที่ยว
