เอเจนซีส์ – บ่ายวันศุกร์ (22 ม.ค.)พายุโจแนสได้พัดเข้ายังกรุงวอชิงตัน ดีซี ทำให้ประชาชนทั่วทั้งฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯร่วม 85 ล้านคนได้รับคำเตือนเสี่ยงเป็นผู้ประสบภัย สำนักงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯปิดสำนักงานตั้งแต่บ่ายวันศุกร์ (22) ไปจนถึงวันจันทร์ (26) นายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ก บิล เด บลาสซิโอ ประกาศภาวะฉุกเฉินบังคับใช้ในเช้าวันนี้ (23)ท่ามกลางหิมะท่วมสูง 2 ฟุต มีเที่ยวบินถึง 7,700 เที่ยวบินประกาศยกเลิก และได้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คนจากวิกฤตครั้งนี้
เดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานวันนี้ (23 ม.ค.) ว่า ประชาชนชาวอเมริกันในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯร่วม 132,739 คนต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้ในวันศุกร์ หลังพายุหิมะโจแนสได้ขึ้นฝั่งตะวันออก โดยในวันศุกร์เข้าสู่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทำให้ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าอาจเห็นหิมะตกหนัก 30 นิ้ว ลบสถิติที่เคยบันทึกไว้ในปี 1922 ที่ 28 นิ้ว ซึ่งทำให้คาดการณ์ว่า ภายในวันอาทิตย์ (24) อาจเห็นหิมะสูงกว่า 4 นิ้วในเมืองหลวงของสหรัฐฯ
สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมต่อว่า ในวันศุกร์ (22 ม.ค.) เมืองนิวยอร์กต้องเผชิญกับหิมะตก ที่เห็นหิมะ 18-24 นิ้ว และทำให้นายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ก บิล เด บลาสซิโอ ประกาศภาวะฉุกเฉินบังคับใช้ในเช้าวันนี้ซึ่งมีผลเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น.
นอกจากนี้ยังพบว่า ในเหตุการณ์พายหิมะโจแนสเข้าถล่มภาคตะวันออกของสหรัฐฯ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 10 ราย เกิดจากอุบัติเหตุทางรถ ซึ่งรวมไปถึง สเตซี เชอร์ริล (Stacy Sherrill) จากรัฐเทนเนสซี ที่ได้ขับรถและเสียหลักรถพุ่งตกจากถนนเนื่องมาจากสภาพพื้นถนนที่ลื่นเพราะน้ำแข็งเกาะ แต่โชคดีที่สามีของเธอรอดชีวิตมาได้โดยปีนกลับขึ้นมาบนไหล่ทางที่สูงกว่าพื้นด้านล่างราว 300 ฟุต
โดยตำรวจสายตรวจประจำรัฐเทนเนสซี ลอยด์ คอชแรน (Lloyd Cochran) ได้ให้ความเห็นในอุบัติเหตุฤดูหนาวครั้งนี้ว่า “รถของประชาชนลื่นไถลไปทั่ว และในทันทีที่สามารถกู้รถที่ประสบอุบัติเหตุออกมาได้ รถคันอื่นเกิดไปชนเข้ากับรถอีกคัน และทำให้เกิดการจราจรแบบคอขวดขึ้นบนถนนไฮเวย์ระหว่างรัฐร่วมหลายชั่วโมง”
นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า มีชายชาวอเมริกันคนหนึ่งเสียชีวิตในรัฐเคนทักกีหลังจากรถที่เขาขับมาพุ่งชนเข้ากับรถเทรลเลอร์ขนเกลือ โดย บิลลี อาร์ สตีเวนส์ ( Billy R. Stevens) วัย 59 ปี คนขับเสียชีวิตคารถในที่เกิดเหตุในวันพฤหัสบดี (21) บนถนนไฮเวย์ I-92 ที่ไวท์ลี เคาน์ตี (Whitley County) ในขณะที่เพื่อนร่วมเดินทางอีก 2 คนของสตีเวนส์ที่เดินทางมาด้วยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
นอกจากนี้ พายุหิมะโจแนสยังเป็นสาเหตุทำให้เด็กชายชาวอเมริกันวัย 4 ปีเสียชีวิตในบ่ายวันศุกร์ (22) ที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา หลังจากเด็กชายผู้นี้พร้อมครอบครัวในรถปิกอัพส่วนตัวที่ขับมาเกิดเสียหลัก และหมุนคว้าง และชนในที่สุดบนถนนไฮเวย์ I-77 ใกล้กับเทราท์แมน( Troutman) ตำรวจทางหลวงรัฐนอร์ทแคโรไลนา ไมเล เบเกอร์ (Michael Baker) ให้สัมภาษณ์
และเบเกอร์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในรถปิกอัพคันเกิดเหตุ บรรทุกผู้ใหญ่ 2 คน และเด็กอีก 3 คนที่มีอายุต่ำกว่า 8 ปีทั้งหมด ซึ่งรถปิดอัพของครอบครัวได้เสียหลักพุ่งเข้าชนรถบรรทุกพ่วงลากที่กำลังยกรถอีกคันที่ประสบอุบัติเหตุก่อนหน้านี้ โดยเบเกอร์ระบุว่า เด็กชายวัย 4 ปีที่อยู่ในที่นั่งสำหรับเด็กเสียชีวิตเนื่องจากแรงปะทะจาการชนอย่างรุนแรง
เดลีเมล์รายงานต่อว่า ในวันศุกร์ (22) CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า มีประชาชนร่วม 132,739 คนในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกาต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยมีจำนวนถึง 125,000 คนที่ได้รับผลกระทบอยู่ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา
นอกจากนิวยอร์กที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตพายุในฤดุหนาวแล้ว มีรายงานว่า รัฐอาร์คันซอ และรัฐเทนเนสซีต่างมีหิมะตกหนัก 8 นิ้ว ในขณะที่รัฐเคนตักกีมีมากว่า 1 ฟุต และรัฐที่อยู่ในทางใต้ยังพบกับสภาพถนนที่มีน้ำแข็งเกาะ หิมะตก และขาดกระแสไฟฟ้า ยังพบว่ามีทอร์นาโดถึง 2 ลูกเข้าพร้อมกับหิมะในรัฐมิสซิสซิปปี
โดยสำนักงานรายงานสภาพอากาศสหรัฐฯ (The National Weather Service)ที่แจ็คสันยืนยันการเกิดพายุทอร์นาโด 2 ลูกซ้อนเข้าลามาร์ เคาน์ตี (Lamar county) และซิมป์สัน เคาน์ตี (Simpson county) แต่ไม่มีรายงานความเสียหายเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานรายงานสภาพอากาศสหรัฐฯลูอิส อุซเซลลินี (Louis Uccellini) ชี้ว่า คาดว่าพายุหิมะโจแนสจะสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าสูงไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เดลิเมล สื่ออังกฤษรายงาน ซึ่งจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยส่งผลทำให้เที่ยวบินจำนวน 7,700 เที่ยวบินในวันศุกร์ (22) และมาจนถึงวันเสาร์ (23) ต้องถูกประกาศยกเลิก