เอเอฟพี - ตำรวจอินโดนีเซียเปิดเผยชื่อ 1 ใน 5 คนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายและดวลปืนกับเจ้าหน้าที่ใจกลางกรุงจาการ์ตาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (14 ม.ค.) ขณะที่ภาพถ่ายมือปืนในวันเกิดเหตุกำลังถูกแชร์สนั่นบนโลกออนไลน์
คนร้ายทั้ง 5 เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หลังก่อวินาศกรรมนองเลือดใจกลางเมืองหลวงอินโดนีเซีย ซึ่งยังทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตไปด้วย 2 ราย บาดเจ็บอีก 20 คน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นสิ่งยืนยันว่า กลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ประกาศจัดตั้ง “รัฐคอลีฟะห์” ในอินแดนอิรักและซีเรียได้แผ่ขยายอิทธิพลเข้ามาถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในแดนอิเหนาซึ่งมีพลเมืองมุสลิมมากที่สุดในโลก
ทางการอินโดนีเซียได้แถลงข้อมูลเฉพาะเจาะจงลงไปอีกว่า กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีกรุงจาการ์ตาคือเครือข่ายนักรบไอเอสชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เรียกตนเองว่า “กอตีบะห์ นูซันตารา”
ล่าสุด ตำรวจสืบทราบตัวตนของผู้ร่วมก่อเหตุ 4 ใน 5 คนแล้ว และเมื่อค่ำวานนี้ (15) ก็ได้เปิดเผยชื่อคนร้ายรายแรก คือ “อาฟีฟ” (Afif)
บัดโรดีน ไฮตี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย เผยต่อสื่อมวลชนว่า อาฟีฟ ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่า “สุนากีม” เคยเข้ารับการฝึกในค่ายกลุ่มติดอาวุธมุสลิมในจังหวัดอาเจะห์ เมื่อปี 2010 และถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อปีที่แล้ว
ไฮตี ยืนยันว่า อาฟีฟ คือชายสวมเสื้อทีเชิ้ตสีดำ กางเกงยีน หมวกสีดำ ซึ่งถูกถ่ายภาพไว้ได้ขณะกำลังยกปืนยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ในวันเกิดเหตุ
เขาถูกดึงเข้าร่วมไอเอสโดยการชักชวนของ “บาห์รุม นาอีม” หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม กอตีบะห์ นูซันตารา ซึ่งเวลานี้พำนักอยู่ในซีเรีย และเชื่อว่าน่าจะเป็นผู้ที่บงการเหตุโจมตีในจาการ์ตา
นาอีม ถูกทางการอิเหนาเพ่งเล็งมาตั้งแต่ปี 2010 เป็นอย่างน้อย และมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ อบู วัรดะห์ ซันโตโซ หัวหน้ากลุ่มมุญาฮิดีนอินโดนีเซียตะวันออก (MIT) ที่ประกาศสวามิภักดิ์ต่อไอเอส
ตำรวจเชื่อว่า นาอีม ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างเอ็มไอทีซึ่งมีฐานบนเกาะสุลาเวสี กับไอเอสในตะวันออกกลาง
นาอีม เคยถูกจับกุมเมื่อปี 2010 ฐานครอบครองวัตถุระเบิดโดยผิดกฎหมาย และถูกตัดสินจำคุก 1 ปี
“เราพบวัตถุระเบิดจึงได้ดำเนินคดีกับเขา และเขาก็ต้องโทษจำคุกมาแล้ว 1 ปี แต่สุดท้ายก็มาทำผิดซ้ำอีก” ผู้บัญชาการตำรวจอิเหนา กล่าว
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิเหนาได้กระจายกำลังเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยทั่วประเทศในวันศุกร์(15) โดยเชื่อว่าน่าจะมีเครือข่ายนักรบสุดโต่งที่พัวพันเหตุโจมตีในเมืองหลวง นอกเหนือไปจากทั้ง 5 คนที่เสียชีวิตแล้ว
นักวิเคราะห์ด้านก่อการร้ายเตือนว่า แม้ กอตีบะห์ นูซันตารา จะมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นชาวอินโดนีเซีย แต่ก็ยังมีนักรบจากมาเลเซียและชาติอื่นๆ ในภูมิภาครวมอยู่ด้วย และเป็นที่หวั่นเกรงกันมานานกว่า 1 ปีแล้วว่า นักรบหัวรุนแรงกลุ่มนี้อาจหวนกลับมาวางแผนโจมตีในบ้านเกิด
ทั้งนี้ หากพบหลักฐานยืนยันว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือ กอตีบะห์ นูซันตารา จะถือเป็นครั้งแรกที่นักรบกลุ่มนี้ได้ลงมือก่อการร้ายในภูมิภาคบ้านเกิดของตน