เอเจนซีส์ / MGR online - กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกคำแถลงเรียกร้องประชาคมระหว่างประเทศ ให้เพิ่มความพยายามในการต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธในลิเบียซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่มุ่งสร้างความหวาดกลัว และเป็นอุปสรรคสำคัญต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในลิเบีย
คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศแดนหมีขาวที่มีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (10 ม.ค.) ระบุว่า รัฐบาลมอสโกภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ขอประณามการโจมตีโดยกลุ่มก่อการร้ายที่มุ่งสร้างความหวาดกลัวในลิเบียโดยเฉพาะเหตุโจมตีที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ทำให้สถานการณ์ด้านการเมืองและความมั่นคงในลิเบียเลวร้ายลงทุกขณะ
นอกเหนือจากการออกโรงประณามดังกล่าวแล้ว คำแถลงล่าสุดของทางกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศเพิ่มความพยายามและเร่งยกระดับความร่วมมือในการขุดรากถอนโคนภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้ายในลิเบียรวมถึงในภูมิภาคตะวันออกกลาง
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังเรียกร้องให้มีการบังคับใช้มติที่ 2259 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council) ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำความสงบเรียบร้อยกลับคืนสู่ลิเบียโดยเร็ว รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่บอบช้ำของประเทศ และการต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย
ก่อนหน้านี้เมื่อ 28 ก.ย. ปีที่แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ได้ขึ้นพูดในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้ทุกชาติสมาชิกร่วมกันต่อสู้กับกลุ่มนักรบญิฮาดสุดโต่งทั้งหลาย พร้อมระบุว่า การไม่ร่วมมือกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย และผู้นำของอีกหลายประเทศที่กำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของกลุ่มก่อการร้าย ถือเป็น “ความผิดพลาดอย่างมหันต์” และปูตินได้เสนอแนวคิดให้นานาชาติจัดตั้งกลุ่มแนวร่วมต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) โดยรวมระบอบการปกครองของอัสซาดในซีเรีย ตลอดจนชาติผู้นำมุสลิมฝ่ายชีอะห์อย่างอิหร่านเข้าไว้ด้วย
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียยังระบุว่า เหตุการณ์รุนแรงที่ลุกลามในภูมิภาคตะวันออกกลางเวลานี้เกิดจากการที่รัฐบาลและกองทัพอเมริกันเข้าแทรกแซงและสนับสนุนการโค่นล้มซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำอิรัก และมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ซึ่งนำไปสู่ลัทธิอนาธิปไตยในตะวันออกกลาง ที่ทำให้บรรดากลุ่มหัวรุนแรงและก่อการร้ายแพร่สะพัดเป็นดอกเห็ด
ในอีกด้านหนึ่ง สื่อดังเมืองเบียร์ “แดร์ ชปีเกิล” รายงานในวันเสาร์ (9 ม.ค.) ระบุ รัฐบาลเยอรมนีกำลังพิจารณาส่งกำลังทหารมากกว่า 100 นายไปยังลิเบียเพื่อช่วยฝึกฝนกองทัพลิเบียในการรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคง ท่ามกลางวิกฤตทางการเมืองในลิเบียที่เกิดความแตกแยกออกเป็นฝักฝ่าย และเกิดการโจมตีของพวกนักรบอิสลามิสต์อย่างต่อเนื่อง
รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวของแดร์ ชปีเกิลระบุว่า รัฐบาลเยอรมนีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีหญิง อังเกลา แมร์เคิล มีแผนจับมือกับรัฐบาลอิตาลีในการส่งกำลังทหารซึ่งน่าจะมีจำนวนเพียง “หลักร้อย” เข้าไปยังลิเบียภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนนับจากนี้ เพื่อเริ่มต้นภารกิจในการฝึกทางยุทธวิธีและทำหน้าที่ “ที่ปรึกษา” ให้กับกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลลิเบีย
รายงานล่าสุดที่ถูกเผยแพร่ออกมาระบุว่า รัฐบาลเยอรมนีเตรียมพิจารณาส่งกำลังพลจาก “บุนเดสเวห์ร” หรือกองทัพเยอรมนีที่มีจำนวนระหว่าง 150-200 นายเข้าร่วมภารกิจลับนี้ในลิเบีย ซึ่งยังไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณชนชาวเยอรมัน
อดีตดินแดนซึ่งมั่งคั่งไปด้วยทรัพยากรน้ำมันในภูมิภาคแอฟริกาตอนเหนืออย่างลิเบีย มีอันต้องเผชิญกับภาวะไร้ขื่อแปหลังจากที่ระบอบการปกครองของโมอัมมาร์ กัดดาฟี ถูกโค่นอำนาจในปี 2011 และลิเบียต้องเผชิญกับความแตกแยกทางการเมืองครั้งเลวร้ายตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2014 เมื่อบรรดานักการเมืองของประเทศแข่งกันตั้งรัฐบาล 2 ชุดขึ้น โดยต่างอ้างความชอบธรรมของตัวเองในการบริหารประเทศและต่างมีกองกำลังติดอาวุธหนุนหลัง ซึ่งรวมถึงกองกำลังติดอาวุธของพวกนักรบอิสลามิสต์
ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ (6 ม.ค.) ที่ผ่านมา รัฐบาลเยอรมนีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีหญิง อังเกลา แมร์เคิล ตัดสินใจเพิ่มจำนวนกำลังทหารของตนที่ประจำการอยู่ในประเทศมาลีและอิรักอีก 550 นายเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการกวาดล้างเหล่านักรบญิฮาดในประเทศทั้งสอง
โดยรายงานข่าวระบุว่า กำลังทหารจากเยอรมนีที่จะถูกส่งเข้าไปยังมาลีจะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระด้านความมั่นคงของฝรั่งเศสในดินแดนแอฟริกันตะวันตกแห่งนี้ ส่วนกำลังทหารของเยอรมนีที่จะถูกส่งเข้าไปเพิ่มเติมในอิรักนั้นจะมีหน้าที่หลักในการฝึกสอนยุทธวิธีการสู้รบให้กับกองกำลังติดอาวุธ “เปชเมอร์กา” ของชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ดในการต่อกรกับนักรบกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในพื้นที่ภาคเหนือของอิรัก
อย่างไรก็ดี การตัดสินใจของคณะรัฐมนตรีเยอรมนีในการเพิ่มกำลังทหารอีก 550 นายทั้งในมาลีและอิรักในครั้งนี้จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเมืองเบียร์เสียก่อน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อูร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน รัฐมนตรีกลาโหมของเยอรมนี ออกมาประกาศจะมอบการสนับสนุนด้านการทหารที่จำเป็นต่อฝรั่งเศส ในการกวาดล้างกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรียที่อยู่เบื้องหลังเหตุก่อวินาศกรรมอย่างน้อย 6 จุดกลางกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 130 ราย
สำหรับในประเทศมาลีนั้น กลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ได้แผ่ขยายอิทธิพลเข้าควบคุมพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศมาตั้งแต่เมื่อปี 2012 และบรรดานักรบที่มีแนวคิดสุดโต่งยังคงเป็นภัยคุกคามสำคัญด้านความมั่นคง สำหรับมาลี ถึงแม้อดีตประเทศเมืองแม่อย่างฝรั่งเศสจะส่งกำลังทหารเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยในมาลี และกวาดล้างพวกนักรบอิสลามิสต์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2013 ก็ตาม