เอเอฟพี - กองทหารรัฐบาลอิรักสามารถเข้ายึดพื้นที่ใหม่ๆ บริเวณใจกลางเมืองรามาดี วันนี้ (27ธ.ค.) และบีบกระชับรอบๆ กลุ่มอาคารที่เคยเป็นที่ทำการรัฐบาลซึ่งพวกนักรบญิฮาด “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ยังคงยึดครองเอาไว้ เจ้าหน้าที่หลายรายเปิดเผยต่อสำนักข่าวเอเอฟพี
หน่วยทหารต่อต้านการก่อการร้ายที่เป็นกองกำลังชั้นแนวหน้า และหน่วยทหารอื่นๆ ในกองทัพบกอิรัก ซึ่งกำลังปฏิบัติการอยู่ที่เมืองหลวงของจังหวัดอันบาร์แห่งนี้ มีกำลังเหนือกว่าอย่างมากมายเมื่อเปรียบเทียบกับนักรบของกลุ่มไอเอสจำนวนไม่มากที่ยังคงปักหลักไม่ยอมถอยหนีไป ไม่เพียงเท่านั้น กองทัพรัฐบาลยังได้รับความสนับสนุนจากการโจมตีทางอากาศของเครื่องบินอิรักและของกลุ่มชาติพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ
ทว่า ดงกับระเบิดและระเบิดแสวงเครื่องจำนวนเป็นร้อยๆ ลูกที่ถูกวางดักเอาไว้ เมื่อบวกกับพวกนักแม่นปืนที่คอยซุ่มยิง ตลอดจนมือระเบิดรถยนต์ฆ่าตัวตายซึ่งเตรียมพร้อมปฏิบัติการ เหล่านี้ย่อมหมายความว่า กระทั่งหลังจากเปิดฉากการรุกใหญ่มาได้ 6 วันแล้ว กองกำลังของรัฐบาลอิรักก็ยังคงต้องเตรียมการสู้รบต่อไปอีก ก่อนที่จะสามารถช่วงชิงเมืองแห่งนี้ที่พวกเขาสูญเสียไปเมื่อเดือนพฤษภาคมกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์
“หน่วยทหารรัฐบาลมาจนถึงปากประตูของกลุ่มอาคาร” ที่ทำการเก่าของรัฐบาลแล้ว หลังจากยึดอาคารข้างเคียงกลับคืนมาได้ 3 หลัง ราชา บารากัต สมาชิกคนหนึ่งของสภาจังหวัดอันบาร์ บอกกับผู้สื่อข่าว
รามาดีนั้นตั้งอยู่ห่างจากกรุงแบกแดดไปทางตะวันตกราว 100 กิโลเมตร และเป็นเมืองหลวงของอันบาร์ จังหวัดซึ่งมีเนื้อที่กว้างขวางที่สุดของอิรัก อีกทั้งมีพรมแดนติดต่อกับซีเรีย, จอร์แดน และซาอุดีอาระเบีย
การได้ชัยชนะยึดเมืองรามาดีกลับคืนจะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของกองทัพอิรักที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างดูหมิ่นดูแคลน หลังจากหน่วยทหารจำนวนมากตกอยู่ในสภาพล่มสลาย เมื่อตอนที่ไอเอสเปิดการรุกใหญ่และยึดพื้นที่ทางภาคเหนือเป็นบริเวณกว้างขวางหลายๆ ผืนเอาไว้ได้ในเดือนมิถุนายน 2014
นายทหารอาวุโสผู้หนึ่งจากกองพลที่ 8 ของอิรัก กล่าวว่า การสู้รบระลอกล่าสุดรอบๆ กลุ่มอาคารที่ทำการรัฐบาล ทำให้พวกนักรบไอเอสเสียชีวิตไปจำนวนมาก ขณะที่กองกำลังรัฐบาลบาดเจ็บไป 7 คน ทั้งจากการปะทะกับไอเอสและจากกับระเบิด
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงหลายรายระบุว่า ทหารรัฐบาลถูกสังหารไปอย่างน้อย 5 คนนับตั้งแต่วันศุกร์ (25) ที่ผ่านมา ถึงแม้รัฐบาลยังไม่เปิดเผยจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายทั้งหมดของยุทธการชิงเมืองรามาดีคราวนี้
ในตอนเริ่มต้นยุทธการคราวนี้ ประมาณการกันว่าพวกนักรบไอเอสที่ยังปักหลักอยู่ในบริเวณใจกลางเมืองรามาดีมีไม่เกิน 400 คน และหลังจากนั้นมาพวกนี้ก็ถูกสังหารไปหลายสิบคนแล้ว
ทั้งนี้ แหล่งข่าวทหารอิรักหลายรายรายงานว่า มีนักรบญิฮาดไอเอสถูกเข่นฆ่าไปกว่า 50 คนเฉพาะในช่วงเวลา 48 ชั่วโมงที่ผ่านมาเท่านั้น
ในการรุกคืบเข้าสู่บริเวณใจกลางเมืองรามาดีซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันอังคาร (22) นั้น ตอนแรกๆ ประสบกับการต้านทานเพียงแค่จำกัด แต่เมื่อบีบกระชับเข้าไป การต่อต้านก็ยิ่งดุเดือด โดยที่พวกนักรบไอเอสได้จัดวางการป้องกันอย่างเข้มแข็งบริเวณรอบๆ กลุ่มอาคารที่ทำการรัฐบาล
พวกเขายังแอบวางระเบิดดักรออยู่ตามจุดต่างๆ ตลอดทั้งเมือง ทั้งบริเวณข้างถนนหนทาง, ที่มั่นซึ่งถูกทิ้งไปแล้ว และตามอาคารบ้านเรือน ภาวะเช่นนี้ทำให้ต้องระดมผู้เชี่ยวชาญการเก็บกู้วัตถุระเบิดจำนวนมากเข้ามาเคลียร์พื้นที่ และทำให้การเคลื่อนกองทหารต้องล่าช้าลง
ทหารอิรักนายเดิมระบุว่า ได้มีการกู้ระเบิดแบบแสวงเครื่องไปแล้วราว 260 ลูกจากแนวรบด้านเหนือของรามาดี เฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์นี้เท่านั้น
อุปสรรคใหญ่อีกประการหนึ่งที่ขวางกั้นการรุกคืบของกองทหารอิรักในเมืองรามาดี ได้แก่ การที่มีพลเรือนปรากฏตัวอยู่เป็นจุดๆ หลายแห่งในพื้นที่สู้รบ พวกเขาจำนวนมากถูกไอเอสใช้ให้เป็น “โล่มนุษย์”
พวกพลเรือนที่สามารถหลบหนีออกมาได้ และถูกกองทัพอิรักนำตัวไปยังค่ายพักแห่งต่างๆ ทางด้านตะวันออกของรามาดีแล้ว เล่าว่า พวกที่ยังหลงเหลืออยู่ในมือนักรบไอเอสนั้นแทบไม่มีเสบียงอาหารแล้ว
พลเรือนเหล่านี้ผู้หนึ่งกล่าวว่า เขากับครอบครัวได้รับการช่วยเหลือ ภายหลังถูกนักรบไอเอสที่กำลังล่าถอยใช้เป็นโล่มนุษย์ขณะที่พวกนั้นถอยออกจากเมืองไป
“มีพวกที่อาศัยอยู่ในเมืองรามาดีกว่า 250 ครอบครัวสามารถหลบหนีออกจากเมือง นับตั้งแต่กองทัพเริ่มเปิดยุทธการ” ในวันอังคาร (23) อาลี ดาวูด เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งจากเขตคัลดิยาของรามาดี กล่าว
เขาระบุว่า คนเหล่านี้บางส่วนได้ไปตั้งแคมป์อยู่กับผู้พลัดถิ่นคนอื่นๆ ในจังหวัดอันบาร์ แล้วยังมีหลายคนมุ่งหน้าเดินทางไปกรุงแบกแดด หรือไม่ก็ขึ้นเหนือเข้าสู่ “เคอร์ดิสถาน” อันเป็นเขตกึ่งปกครองตนเองของชาวเคิร์ดในอิรัก
ตามตัวเลขขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ชาวอิรักซึ่งถูกบังคับให้พลัดที่นาคาที่อยู่ตั้งแต่เดือนมกราคม 2014 เป็นต้นมานั้นมีประมาณ 3.2 ล้านคน ราวหนึ่งในสามของจำนวนนี้เป็นชาวจังหวัดอันบาร์
กองกำลังฝ่ายรัฐบาลสามารถต้านทานการโจมตีหลายต่อหลายระลอกของพวกไอเอสในเมืองรามาดี จวบจนกระทั่งถึงเดือนพฤษภาคม 2015 เมื่อพวกนักรบญิฮาดใช้ระเบิดรถยนต์ฆ่าตัวตายขนาดมหึมาหลายลูกมาทำลายปรปักษ์ของตน และจากนั้นก็สามารถเข้าควบคุมเมืองนี้เอาไว้
การสู้รบชิงเมืองนี้คืนยังคงเต็มไปด้วยความเหนื่อยยาก และมักเผชิญปัญหาอุปสรรคจากการทะเลาะขัดแย้งกันของฝ่ายต่างๆ ทางการเมืองอันแสนยุ่งเหยิงของอิรัก กระนั้น รัฐมนตรีกลาโหมคอเล็ด อัล-โอเบดี ก็ยังกล่าวอย่างแข็งขันเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กองกำลังของรัฐบาลอิรักสามารถกอบกู้พื้นที่ซึ่งถูกไอเอสยึดไปในปี 2014 กลับคืนมาได้ราวๆ ครึ่งหนึ่งแล้ว