รอยเตอร์ - สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทรงมีกระแสพระราชดำรัสอวยพรเนื่องในวันคริสต์มาส โดยทรงย้ำเตือนให้พสกนิกรรำลึกถึงแสงแห่งความศรัทธาในศาสนาคริสต์ หลังจากที่ทั่วโลกต้องเผชิญความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่าจากลัทธิก่อการร้าย ตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
สมเด็จพระราชินีนาถซึ่งมีพระชนมายุ 89 พรรษา และทรงดำรงสถานะประมุขคริสตจักรแห่งอังกฤษ (Church of England) ทรงอ้างข้อความจากพระคัมภีร์ไบเบิล และตรัสถึงผู้คนหลายล้านคนที่กำลังจุดเทียนแห่งความหวัง
“เป็นความจริงที่ว่า โลกได้ผ่านช่วงเวลาอันมืดมนหลายครั้งในรอบปีที่ผ่านมา แต่พระวรสารนักบุญยอห์น (The Gospel of John) มีข้อความหนึ่งซึ่งช่วยให้เรามีความหวัง และมักจะนำมาอ่านระหว่างการร้องเพลงสรรเสริญในวันคริสต์มาส นั่นก็คือ ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดไม่อาจเอาชนะความสว่างนั้น (The light shines in the darkness and the darkness has not overcome it.)”
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงสร้างสถิติเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ แซงหน้าสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียซึ่งเป็น “มารดาของปู่ทวด” ของพระองค์
ในกระแสพระราชดำรัสซึ่งทรงบันทึกไว้ขณะประทับที่พระราชวังบักกิงแฮมเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ สมเด็จพระราชินีนาถมิได้ทรงเอ่ยตรงๆ ถึงการโจมตีครั้งใดที่เกิดขึ้นในปี 2015 ซึ่งรวมถึงเหตุวินาศกรรมกรุงปารีสเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่คร่าชีวิตคนไปราว 150 คน และเหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวที่ชายหาดตูนิเซียเมื่อเดือน มิ.ย. ที่มีผู้คนถูกสังหารไปถึง 38 ราย และส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ แต่ทรงย้ำเตือนผู้ฟังให้ตระหนักว่า สาส์นของคริสต์ศาสนาที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง “ไม่ใช่การแก้แค้นหรือความรุนแรง หากแต่คือการที่เราต้องมีความรักให้แก่กันและกัน”
“โบราณว่าไว้ การจุดเทียนย่อมดีกว่าสาปแช่งความมืด”
สมเด็จพระราชินีนาถทรงยึดถือธรรมเนียมการพระราชทานพรวันคริสต์มาสที่สืบเนื่องมาตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าจอร์จที่ 5 ในปี 1932 และเนื่องในวโรกาสที่จะทรงมีพระชนมายุ 90 พรรษาในเดือน เม.ย. ปีหน้า พระองค์ก็ได้ตรัสถึงช่วงเวลาที่ทรงครองราชย์มายาวนานถึง 63 ปี
“ความสุขอย่างหนึ่งของคนที่มีอายุยืน ก็คือการได้เห็นลูกๆ หลานๆ แล้วก็เหลนๆ มาช่วยกันตบแต่งต้นคริสต์มาส... และในปีนี้ครอบครัวของข้าพเจ้าก็ได้มีสมาชิกใหม่มาร่วมแบ่งปันความสุข” พระองค์ตรัสถึงเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ พระธิดาในเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแคทเธอรีน ซึ่งประสูติเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา และทรงเป็น “เหลนทวด” พระองค์ที่ 5 ของสมเด็จพระราชินีนาถ
“การได้มาอยู่รวมกันรอบๆ ต้นคริสต์มาสทำให้เราได้มีเวลาคิดคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ตัวข้าพเจ้าเองคาดหวังว่าปี 2016 จะมีภารกิจมากมาย แต่ก็ได้รับคำเตือนว่าข้าพเจ้าอาจจะมีคนมาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้ฟังมากกว่า 1-2 ครั้ง”
“ผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกกำลังจุดเทียนแห่งความหวังในวันนี้ คริสต์มาสเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ควรจะขอบคุณพวกเขา และทุกสิ่งทุกอย่างที่นำแสงสว่างมาสู่ชีวิตของเรา”
