รอยเตอร์ - องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ชี้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองทัพรัสเซียในซีเรียอาจเข้าข่ายเป็น “อาชญากรรมสงคราม” เนื่องจากทำให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก พร้อมเสนอหลักฐานยืนยันว่าการทิ้งระเบิดของแดนหมีขาวละเมิดกฎหมายด้านมนุษยธรรม
รายงานฉบับล่าสุดที่ได้รับการเผยแพร่วันนี้ (23 ธ.ค.) ระบุว่า “การทิ้งบอมบ์ของรัสเซียได้คร่าชีวิตพลเรือนไปหลายร้อยคน และยังสร้างความเสียหายต่อย่านที่พักอาศัยของประชาชน เช่น บ้านเรือน มัสยิด ตลาดที่มีคนพลุกพล่าน รวมถึงสถานพยาบาลต่างๆ จึงเป็นการโจมตีที่ขัดต่อกฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ”
มอสโกเริ่มส่งเครื่องบินเข้าไปทิ้งระเบิดในซีเรียตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. โดยอ้างว่าเพื่อช่วยประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งเป็นมิตรเก่าแก่ของรัสเซียปราบพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ทั้งยังยืนกรานหนักแน่นมาตลอดว่าไม่เคยพุ่งเป้าทำร้ายพลเรือน หรือย่านชุมชน
ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ได้สอบถามไปยังกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่าคิดเห็นอย่างไรต่อข้อกล่าวหาขององค์การนิรโทษกรรมสากล ทว่ายังไม่ได้รับคำตอบ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียก็ระบุสั้นๆ ว่า ขอเวลาศึกษารายงานชิ้นนี้โดยละเอียด ก่อนที่จะมีคำแถลงตอบอย่างเป็นทางการ
สิ่งที่องค์การนิรโทษกรรมสากลกล่าวหานั้นตรงกับข้อมูลจากผู้สังเกตการณ์ซีเรียบางคนที่บอกว่า เครื่องบินขับไล่รัสเซียสังหารพลเรือนไปแล้วอย่างน้อย 200 คน และนักรบอีกราวๆ 10 กว่าคนตั้งแต่เดือน ก.ย. จนถึงสิ้นเดือน พ.ย.
รายงานชิ้นนี้สรุปจากการศึกษาผลพวงของเหตุโจมตี 6 ครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นที่จังหวัดฮอมส์ อิดลิบ และอะเลปโป โดยอาศัยการสัมภาษณ์ประชาชนผู้เห็นเหตุการณ์และผู้รอดชีวิต รวมถึงคลิปวิดีโอและภาพถ่ายความเสียหายหลังการทิ้งระเบิด
ฟิลิป ลูเธอร์ ผู้อำนวยการโครงการตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือขององค์การนิรโทษกรรมสากล ชี้ว่า การทิ้งระเบิดของรัสเซียดูเหมือนจะมุ่งทำลายพลเรือนหรือทรัพย์สินพลเรือนเป็นหลัก เนื่องจากพื้นที่ที่ถูกโจมตีเป็นย่านชุมชนที่ไม่มีเป้าหมายทางทหารชัดเจน และบางครั้งก็โจมตีโรงพยาบาลด้วย”
“การโจมตีในลักษณะนี้อาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม” เขากล่าว