xs
xsm
sm
md
lg

โรงแรมหรูเหยื่อโจมตีนักรบญิฮัดในเมืองหลวงมาลี กลับมาเปิดบริการรอบใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอพี / รอยเตอร์ / เอเอฟพี /เอเจนซีส์ / MGR online – ประธานาธิบดีอิบราฮิม บูบาการ์ เกอิตา แห่งมาลีกล่าวยกย่องในวันอังคาร ( 15 ธ.ค.) ต่อการกลับมาเปิดให้บริการรอบใหม่ของโรงแรมหรู “Radisson Blu” ใจกลางกรุงบามาโก หลังจากโรงแรมที่ตั้งอยู่กลางเมืองหลวงของมาลีแห่งนี้ตกเป็นเป้าการโจมตีจากกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ โดยผู้นำมาลีระบุ นี่คือการแสดงออกถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ที่อยู่เหนือกว่าคลื่นความรุนแรงจากน้ำมือของพวกนักรบญิฮัดสุดโต่ง

“นี่คือชัยชนะแห่งชีวิตเหนือพวกนักรบญิฮัด และเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า พวกเราจะยังคงยืนหยัดต่อสู้กับลัทธิก่อการร้ายอย่างเต็มกำลังและไม่ลดละต่อไป” ผู้นำมาลี กล่าวต่อบรรดาแขกผู้มีเกียรติราว 100 ชีวิต ที่เดินทางมาร่วมพิธีเปิดให้บริการครั้งใหม่ ของโรงแรมหรูแห่งดังกล่าว ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาจากเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของรัฐบาลมาลี

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากที่ชาวมาลี และผู้คนทั่วโลก ต่างพากันตกตะลึงถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่กลุ่มนักรบอิสลามิสต์บุกเข้าโจมตีและยึดโรงแรมหรู “Radisson Blu” ขนาด 190 ห้องพัก ใจกลางกรุงบามาโกที่เป็นเมืองหลวงของมาลี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 20 ราย ที่ในจำนวนนี้รวมถึงชาวต่างชาติ 14 ราย เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยที่กองกำลังผสมของมาลี-ฝรั่งเศส-สหรัฐฯ ได้บุกเข้าช่วยเหลือตัวประกันราว 170 คน และสังหารมือปืน 2 รายที่ก่อเหตุได้ หลังเวลาผ่านไปนานถึง 9 ชั่วโมง ท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุว่า ทางการมาลียังคงตามล่าตัวผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย ที่น่าจะมีส่วนพัวพันกับการก่อเหตุอุกอาจนี้

หลังเหตุโจมตีดังกล่าว กลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ที่เรียกตัวเองว่า อัล-มูราบิตูนซึ่งมีสายสัมพันธ์ เชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ในแอฟริกาที่นำโดยมอคตาร์ เบลมอคตาร์ นักรบชาวแอลจีเรีย ได้ออกมาอ้างว่า กลุ่มของตนคือผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีโรงแรมหรูแห่งนี้ใจกลางกรุงบามาโกของมาลี เช่นเดียวกับกลุ่มติดอาวุธ “แนวร่วมปลดปล่อยมาซินา” ซึ่งมีฐานอยู่ในพื้นที่ภาคกลางของมาลีที่ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีนี้เช่นเดียวกัน

ก่อนหน้านี้เมื่อ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา เกิดเหตุโจมตีด้วยจรวดปริศนา ภายในฐานทัพขององค์การสหประชาชาติทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศมาลีเช่นกัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จากกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็น 2 นาย และพนักงานสัญญาจ้างที่เป็นพลเรือนอีก 1 ราย ถือเป็นเหตุนองเลือดที่เกิดขึ้นล่าสุดในมาลี หลังอดีตดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศสแห่งนี้ เพิ่งเผชิญกับเหตุโจมตีโดยฝีมือนักรบญิฮัดที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงบามาโก เมืองหลวงของประเทศ ได้เพียง 8 วัน

“ค่ายของพวกเราที่เมืองกิดาล ถูกโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายที่ใช้จรวดเป็นอาวุธ” เจ้าหน้าที่รายหนึ่งจากภารกิจรักษาสันติภาพในมาลีของยูเอ็น (MINUSMA) เผยพร้อมระบุว่า ทหารจากกองกำลังรักษาสันติภาพที่เสียชีวิตทั้ง 2 นายนั้น เป็นกำลังพลที่มาจากประเทศกินี และยังมีเจ้าหน้าที่สัญญาจ้างที่เป็นพลเรือนอีกรายเสียชีวิตจากการโจมตีคราวนี้

ในเวลาต่อมา ทางสำนักงานของ MINUSMA ออกคำแถลงเพิ่มเติมว่า ยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีก 20 ราย ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 4 รายจากเหตุโจมตีนี้ ที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ

ทั้งนี้ มาลีกลายเป็นดินแดนที่ถูกรุมเร้าไปด้วยปัญหาความไม่สงบ นับตั้งแต่ที่กลุ่มกบฏชนเผ่าตัวเร็กและบรรดากลุ่มนักรบญิฮัด ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ได้บุกเข้ายึดครองพื้นที่จำนวนมากทางภาคเหนือของประเทศ เมื่อปี 2012 แต่การแทรกแซงทางทหารของฝรั่งเศส ที่เริ่มต้นขึ้นในเดือนมกราคมปี 2013 สามารถปลดปล่อยดินแดนเกือบทั้งหมดทางตอนเหนือของมาลี จากการยึดครองของฝ่ายกบฏและนักรบอิสลามิสต์

อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา หลายพื้นที่ของมาลียังคงประสบภาวะไร้ขื่อแป และตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคามของนักรบอิสลามิสต์ ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย ถึงแม้จะมีการลงนามในข้อตกลงสันติภาพ ระหว่างฝ่ายรัฐบาลและแกนนำบางส่วนของกลุ่มกบฏชนเผ่าตัวเร็กไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ขณะที่อดีตประเทศเมืองแม่อย่างฝรั่งเศส ยังคงกำลังทหารของตนไว้ในมาลีมากกว่า 1,000 นายเช่นเดียวกับกองกำลังรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติที่มีกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10,200 ชีวิตปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในประเทศนี้

ทั้งนี้ จำนวนเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติที่เสียชีวิตจากเหตุโจมตีในมาลีล่าสุดได้ เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นมากกว่า 50 รายไปแล้ว ส่งผลให้ภารกิจรักษาสันติภาพของยูเอ็นในมาลี กลายเป็นภารกิจที่ประสบความสูญเสียมากที่สุดนับตั้งแต่ภารกิจในประเทศ โซมาเลีย ระหว่างปี 1993-1995 เป็นต้นมา



กำลังโหลดความคิดเห็น