รอยเตอร์ - แหล่งข่าวรัฐบาลสหรัฐฯในวันศุกร์(4ธ.ค.) เผยว่าสตรีที่ถูกกล่าวหาร่วมกับสามีลงมือสังหารหมู่ 14 ศพและบาดเจ็บ 21 คนในแคลิฟอร์เนีย ได้ประกาศสวามิภักดิ์ต่อผู้นำของนักรบรัฐอิสลาม(ไอเอส)รายหนึ่ง ข้อมูลที่่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ ขณะที่เอฟบีไอเผยจากหลักฐานต่างๆทำให้กำลังสืบสวนคดีนี้ในฐานะ "การก่อการร้าย"
แทชฟีน มาลิค วัย 27 ปีและนายไซเอ็ด ฟารุค สามีของเธอวัย 28 ปี ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างปะทะกับตำรวจ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากก่อเหตุสังหารหมู่กลางปาร์ตีคริสต์มาสที่จัดขึ้นในอาคารหลังหนึ่งของศูนย์ภูมิภาคอินแลนด์ ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาผู้ทุพพลภาพของทางการเมืองซานเบอร์นาร์ดิโน ห่างจากนครลอสแองเจลิสไปทางตะวันออกราว 100 กิโลเมตรเมื่อวันพุธ(2ธ.ค.) นับเป็นเหตุกราดยิงครั้งนองเลือดที่สุดในรอบ 3 ปีของสหรัฐฯ
คณะสืบสวนสหรัฐฯกำลังประเมินหลักฐานที่ว่านางมาลิค ซึ่งมีพื้นเพเป็นชาวปากีสถาน และแต่งงานกับนายฟารุค ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ในซาอุดีอาระเบีย ได้ประกาศสวามิภักดิ์ต่อนายอาบู บากร์ อัล-บักห์ดาดี ผู้นำของไอเอส เจ้าหน้าที่อเมริกา 2 คนบอกกับรอยเตอร์ พร้อมระบุว่าหากผลการค้นพบดังกล่าวได้รับการยืนยัน มันอาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในการสืบสวน
สองสามีภรรยามีปืนยาวจู่โจม 2 กระบอก ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ 2 กระบอก กระสุน 6,100 นัดและระเบิดท่อ 12 อัน ทั้งซุกซ่อนไว้ในบ้านพักและถูกพบในตัวหลังถูกสังหาร ขณะที่แหล่งข่าวรัฐบาลสหรัฐฯบอกว่าด้วยจำนวนอาวุธที่มากมายขนาดนี้ คณะสืบสวนจึงพยายามหาข้อสรุปว่าพวกเขามีการวางแผนโจมตีอย่างละเอียดมาก่อนหรือไม่
ฟารุค พลเมืองสหรัฐฯ เกิดในอิลลินอยส์และเป็นบุตรชายของผู้อพยพชาวปากีสถาน มีตำแหน่งงานเป็นผู้ตรวจสอบของกรมสุขภาพสิ่งแวดล้อมซานเบอร์นาร์ดิโน เคาน์ตี และหน่วยงานนี้เองที่เป็นเจ้าของงานปาร์ตีที่นายฟารุคและภรรยาลงมือโจมตีในวันพุธ(2ธ.ค.)
คณะสืบสวนกำลังตรวจสอบรายงานว่านายฟารุคเคยโต้เถียงกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ที่เคยประณามชาวอิสลามว่าเป็นพวกอันตรายโดยสันดาน ก่อนหน้าเกิดเหตุกราดยิง
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวรัฐบาลสหรัฐฯบอกว่าแม้การโจมตีนี้อาจได้รับแรงจูงใจจากพวกไอเอส แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่ามันเป็นการบัญชาโดยตรงมาจากนักรบกลุ่มนี้ ที่อ้างความรับผิดชอบอยู่เบื้องหลังเหตุมือปืนและมือระเบิดฆ่าตัวตายถล่มปารีสเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน คร่าชีวิต 130 ศพ
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานในวันศุกร์(4ธ.ค.) อ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯคนหนึ่งบอกว่านางมาลิค ได้โพสต์บนเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อบัญชีอีกชื่อขอสวามิภักดิ์ต่อนายบักห์ดาดีในวันเดียวกับที่ลงมือก่อเหตุ
ความคืบหน้าในการสืบสวนของสหรัฐฯ มีขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของปากีสถานได้ลงมือสืบสวนแยกกัน โดยได้ติดต่อไปยังครอบครัวของนางมาลิกที่บ้านเกิดของเธอ
"ผมเพิ่งรู้เรื่องน่าสลดนี้ก็วันนี้เอง หลังเจ้าหน้าที่ข่าวกรองบางคนติดต่อมาหาผมและสอบถามผมถึงความเกี่ยวข้องกับแทชฟีน" นายจาเวด รับบานี ลุงของมาลิกบอกกับรอยเตอร์ "ผมได้ยินข่าวว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นคนในครอบครัวของผม แน่นอน เรารู้สึกช็อคมาก"
เขาเผยว่าบิดาของมาลิก ซึ่งเป็นน้องชายของเขา กลายเป็นคนที่หัวอนุรักษ์นิยมหนักกว่าเดิมนับตั้งแต่ย้ายไปอยู่ในซาอุดีอาระเบียพร้อมกับครอบครัวราว 25 ปีก่อน ขณะที่เจ้าหน้าที่ปากีสถานเผยว่า แทชฟีน ได้ย้ายกลับมาประเทศบ้านเกิดเมื่อ 5 หรือ 6 ปีก่อนเพื่อศึกษาด้านเภสัชกรรม
แหล่งข่าวของรัฐบาลเผยว่าก่อนออกอาละวาดเข่นฆ่าผู้คนในวันพุธ(2ธ.ค.) มาลิกกับฟารุค ลงมือทำลายฮาร์ดไดรฟ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ในความพยายามปกปิดหลักฐาน และจากหลักฐานต่างๆนานาทางเอฟบีไอของบอกว่ากำลังสืบสวนคดีนี้ในฐานะการก่อการร้าย "เราพบหลักฐานที่ทำให้ทราบถึงการวางแผนอย่างครอบคลุม" เดวิด โบว์ดิช เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเอฟบีไอบอกกับผู้สื่อข่าว
