เอเอฟพี - สภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ (House of Commons) ลงมติอนุมัติตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ให้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางกาศบดขยี้กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.)
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีมติสนับสนุน 397 เสียง คัดค้าน 223 เสียง ต่อความพยายามของคาเมรอนที่จะนำอังกฤษเข้าร่วมโจมตีไอเอส หลังผ่านการอภิปรายอย่างเผ็ดร้อนนานถึง 10 ชั่วโมง
“ผมเชื่อว่าสภาได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องเพื่อช่วยให้อังกฤษปลอดภัย ปฏิบัติการทางทหารในซีเรียจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่กว้างขวางยิ่งกว่านั้น” คาเมรอนโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์
มติเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรถือเป็นสัญญาณไฟเขียวให้ฝูงบินขับไล่อังกฤษเริ่มทิ้งระเบิดในซีเรียได้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า โดย ฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษระบุว่า การโจมตีระลอกแรกอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุด “คืนพรุ่งนี้”
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ก็ออกมาแถลงชื่นชมการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวของพันธมิตรผู้ดี โดยยกย่องอังกฤษว่าเป็น “หุ้นส่วนที่สำคัญที่สุด” ในสงครามต่อสู้ไอเอส
คาเมรอนเริ่มเปิดประเด็นอภิปรายโดยเรียกร้องให้บรรดา ส.ส.อังกฤษ “ตอบสนองเสียงเรียกร้อง” ของชาติพันธมิตร เช่น ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ พร้อมชี้ว่าการทิ้งระเบิดโจมตีนักรบไอเอสที่ป่าเถื่อนราวกับ “อสูรร้ายยุคกลาง” นั้น “เป็นเรื่องที่ควรทำ”
“คำถามก็คือ เราจะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อบั่นทอนและขจัดภัยคุกคามนี้... หรือจะนั่งเฉยๆ แล้วรอให้พวกเขามาโจมตีเราก่อน” คาเมรอนกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมี ส.ส.หลายคนที่พยายามเสนอเหตุผลคัดค้านการโจมตีทางอากาศในซีเรีย ขณะที่ด้านนอกอาคารรัฐสภาก็มีชาวอังกฤษราว 2,000 คนปักหลักชุมนุมต่อต้านสงครามต่อเนื่องเป็นคืนที่ 2
“เราต้องหยุดโจมตีประเทศที่ไร้ความผิด... ประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกหลายพันคนกำลังจะถูกสังหารเพราะ เดวิด คาเมรอน กับพรรคพวกของเขา” เทเรซา กอร์มลีย์ หนึ่งในผู้ชุมนุมกล่าว
ด้าน เจเรมี คอร์บีน ผู้นำพรรคแรงงานฝ่ายค้าน ซึ่งต่อต้านการใช้ปฏิบัติการทางทหารในซีเรียมาโดยตลอด ก็เตือนให้ทุกฝ่ายรำลึกถึงผลพวงของสงครามในอิรัก อัฟกานิสถาน และลิเบีย ซึ่งล้วนเป็นความขัดแย้งต่างแดนที่อังกฤษถูกดึงเข้าไปพัวพันในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา
คาเมรอน ปรารถนาจะยื่นมือเข้าไปช่วยสหรัฐฯ ปราบไอเอสมานานหลายเดือนแล้ว และตัดสินใจดันข้อเสนอนี้ต่อรัฐสภาทันที หลังเกิดเหตุวินาศกรรมกรุงปารีสเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ซึ่งมีผู้ถูกสังหารไปถึง 130 ราย
อังกฤษส่งฝูงบินขับไล่ทอร์นาโด 8 ลำ และอากาศยานไร้คนขับ เข้าไปช่วยสหรัฐฯ โจมตีไอเอสในอิรักอยู่ก่อนแล้ว ส่วนในซีเรียยังมีเพียงภารกิจสอดแนมและรวบรวมข่าวกรอง
อย่างไรก็ตาม ทางการอังกฤษมีแผนที่จะส่งเครื่องบินขับไล่เข้าไปเพิ่มเติมหลังจากนี้ และอาจงัด “ขีปนาวุธบริมสโตน” ของกองทัพอากาศซึ่งสามารถโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำออกมาใช้ เพื่อลดความเสี่ยงที่พลเรือนจะถูกลูกหลง
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารบางคนตั้งคำถามว่า การมีส่วนร่วมของอังกฤษครั้งนี้จะช่วย “พลิกสถานการณ์” ได้จริง หรือเพียงแค่ต้องการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับชาติพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ และฝรั่งเศสเท่านั้น?
คาเมรอนยืนยันว่า อังกฤษจะไม่ส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปยังซีเรีย เพราะหากทำเช่นนั้นจะเป็น “ความผิดพลาด” ใหญ่หลวง
