เอพี / เอเจนซีส์ / MGR online - รัฐบาลเสรีนิยมของแคนาดาประกาศในวันพฤหัสบดี ( 26 พ.ย.) ให้เงินช่วยเหลือจำนวน 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,643 ล้านบาท) แก่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees : UNHCR) สำหรับจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่บรรดาผู้อพยพลี้ภัยจากซีเรีย รวมถึงความช่วยเหลือจำนวน 7.5 ล้านดอลลาร์ ที่เป็นส่วนหนึ่งในโครงการเปิดรับผู้อพยพซีเรียให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ในแคนาดา ในช่วงไม่กี่เดือนนับจากนี้
มารี-โคล้ด บิโบ รัฐมนตรีหญิงแห่งกระทรวงการพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดา ออกโรงยืนยันว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดจะเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้อพยพชาวซีเรียที่ต้องอดมื้อกินมื้อ ต้องประสบความยากลำบากทางการเงิน และต้องเสี่ยงชีวิตของตัวเองในการเดินทางออกจากประเทศบ้านเกิด และย้ำว่าการให้ความช่วยเหลือผ่านยูเอ็นเอชซีอาร์ จะช่วยให้บรรดาผู้อพยพจากซีเรีย ได้เข้าถึงความจำเป็นขั้นพื้นฐานในการดำรงชีพได้มากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร (24 พ.ย.) รัฐบาลชุดใหม่ของแคนาดาภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ประกาศจะรับผู้อพยพชาวซีเรียจำนวน 10,000 รายเข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศของตนภายในสิ้นปีนี้ และอีกกว่า 15,000 คนภายในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
รายงานข่าวระบุว่า เดิมทีนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดต้องการรับผู้อพยพชาวซีเรียจำนวน 25,000 ราย เข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ในแคนาดาภายในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ แต่ความพยายามดังกล่าวได้รับการท้วงติงจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุก่อวินาศกรรมที่กรุงปารีสของฝรั่งเศสเมื่อ 13 พ.ย. ทำให้ทางการแคนาดาต้องทบทวนแผนรับผู้อพยพซึ่งนำมาสู่การแบ่งรับผู้อพยพเป็น 2 รอบดังกล่าวแทนการรับผู้อพยพทั้งหมดในรอบเดียว
ตามแผนรับผู้อพยพชาวซีเรียเข้าประเทศของรัฐบาลแคนาดานั้น ทางการแคนาดาจะดำเนินมาตรการคัดกรองด้านสุขภาพและความมั่นคงต่อเหล่าผู้อพยพที่ต่างประเทศ และเมื่อกระบวนการคัดกรองนี้เสร็จสิ้น บรรดาผู้อพยพที่ผ่านเกณฑ์ก็จะถูกนำตัวขึ้นเครื่องบินมายังนครโตรอนโต และมอนทรีออล โดยอาจมีการขอให้กองทัพแคนาดาร่วมจัดส่งเครื่องบินมาเข้าร่วมสนับสนุนภารกิจครั้งนี้ในบางส่วนหากมีความจำเป็น
ท่าทีล่าสุดของรัฐบาลแคนาดาถือเป็นการสัญญาณเตือนไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ซึ่งบรรดาผู้ว่าการรัฐที่เป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันต่างออกมาประกาศจุดยืนไม่ต้อนรับผู้อพยพชาวซีเรียเข้าสู่มลรัฐของตน เพราะหวั่นเป็นภัยคุกคามและอาจเป็นต้นตอของการก่อการร้ายถึงแม้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะมีแผนรับผู้อพยพซีเรียจำนวน 10,000 รายเข้าประเทศในปีหน้าก็ตาม
รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลแคนาดาชุดใหม่ที่เป็นพวกเสรีนิยม ประกาศจะทุ่มงบประมาณราว 510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดระยะเวลา 6 ปีข้างหน้าเพื่อสนับสนุนความพยายามในการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้อพยพจากซีเรีย และถือเป็นจุดยืนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับรัฐบาลชุดก่อนหน้า ภายใต้การนำของอดีตนายกรัฐมนตรีสตีเฟน ฮาร์เปอร์ ที่เป็นพวกอนุรักษนิยมที่ต่อต้านการรับผู้อพยพอย่างหัวชนฝาและเพิ่งพ่ายแพ้การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จำนวนชาวซีเรียที่อพยพออกนอกประเทศของตนได้เพิ่มเป็นมากกว่า 4 ล้านคนแล้ว นับตั้งแต่ที่ความขัดแย้งทางการเมืองและสงครามกลางเมืองปะทุขึ้นในซีเรีย เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011
ในส่วนของแคนาดานั้น ถือเป็นประเทศที่มีประวัติในการรับผู้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ในประเทศของตนมายาวนาน ทั้งการรับผู้ลี้ภัยชาวโคโซโวจำนวนมากกว่า 5,000 รายในช่วงปลายทศวรรษ 1990 , การรับผู้อพยพชาวยูกันดามากกว่า 5,000 คนเมื่อปี 1972 รวมถึงการรับผู้อพยพชาวเวียดนามเข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่จำนวน 60,000 ราย ระหว่างปี1979-80 แต่หากนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ยอดผู้อพยพที่แคนาดารับเข้าประเทศของตนได้มีจำนวนมากกว่า 1.2 ล้านรายแล้ว